Windows Registry เป็นฐานข้อมูลสำคัญที่ใช้เก็บค่าการตั้งค่าระบบปฏิบัติการ Windows รวมถึงการกำหนดค่าของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ทำให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น Registry ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดเก็บและเรียกใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบและโปรแกรมต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม การแก้ไข Registry โดยไม่มีความรู้ที่เพียงพออาจทำให้ระบบทำงานผิดปกติหรือแม้กระทั่งไม่สามารถบูตเครื่องได้ ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับ Windows Registry จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่ง Windows อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

Windows Registry คืออะไร ?

คำจำกัดความของ Registry

Windows Registry เป็นฐานข้อมูลลำดับชั้นที่เก็บค่าการตั้งค่าต่าง ๆ ของระบบ Windows ไว้ในรูปแบบของคีย์และค่า ค่าต่าง ๆ เหล่านี้ใช้กำหนดวิธีการทำงานของระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง และฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์

Registry เปรียบเสมือนสมุดโทรศัพท์ของระบบ Windows ที่ช่วยให้ Windows และแอปพลิเคชันสามารถค้นหาข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้ไฟล์กำหนดค่าที่กระจายอยู่ในระบบเหมือนในยุคก่อน ๆ

ประวัติและพัฒนาการของ Registry

Windows Registry ถูกนำมาใช้ครั้งแรกใน Windows 3.1 เพื่อแทนที่ไฟล์ .ini ซึ่งเป็นไฟล์ข้อความที่ใช้เก็บค่าการตั้งค่าของโปรแกรมต่าง ๆ แต่มีข้อจำกัดในเรื่องโครงสร้างที่ไม่รองรับการจัดเก็บข้อมูลที่ซับซ้อน

เมื่อเวลาผ่านไป Windows Registry ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของ Windows ตั้งแต่ Windows 95 เป็นต้นมา และถูกใช้เป็นระบบหลักในการจัดเก็บค่าการตั้งค่าของระบบปฏิบัติการในทุกเวอร์ชันของ Windows จนถึงปัจจุบัน

โครงสร้างของ Windows Registry

คีย์หลักใน Registry (Root Keys)

Windows Registry มีโครงสร้างแบบลำดับชั้น โดยมีคีย์หลัก 5 คีย์ ได้แก่:

  1. HKEY_CLASSES_ROOT (HKCR) – จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประเภทไฟล์และการแมประหว่างไฟล์กับโปรแกรมที่ใช้เปิด
  2. HKEY_CURRENT_USER (HKCU) – เก็บค่าการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้ที่ล็อกอินอยู่ในขณะนั้น
  3. HKEY_LOCAL_MACHINE (HKLM) – เก็บค่าการตั้งค่าระดับระบบที่มีผลต่อผู้ใช้ทุกคนบนเครื่อง
  4. HKEY_USERS (HKU) – เก็บค่าการตั้งค่าของบัญชีผู้ใช้ทั้งหมดในระบบ
  5. HKEY_CURRENT_CONFIG (HKCC) – เก็บค่าการตั้งค่าฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

คีย์ย่อยและค่า (Subkeys & Values)

ภายในคีย์หลักแต่ละอัน จะมีคีย์ย่อยและค่าต่าง ๆ ที่ใช้กำหนดการทำงานของระบบ Windows และซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งอยู่ ตัวอย่างเช่น ใน HKLM อาจมีคีย์ย่อย SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Run ซึ่งใช้กำหนดโปรแกรมที่ต้องการให้รันอัตโนมัติเมื่อเปิดเครื่อง

ประเภทของค่าต่าง ๆ ใน Registry

Windows Registry รองรับค่าหลายประเภท ได้แก่:

  • REG_SZ: ค่าข้อความแบบสตริง
  • REG_DWORD: ค่าตัวเลข 32-bit
  • REG_QWORD: ค่าตัวเลข 64-bit
  • REG_BINARY: ข้อมูลไบนารี
  • REG_MULTI_SZ: สตริงหลายค่า
  • REG_EXPAND_SZ: สตริงที่สามารถขยายได้โดยใช้ตัวแปรสภาพแวดล้อม

ความสำคัญของ Windows Registry ต่อระบบปฏิบัติการ

การจัดเก็บค่าการตั้งค่าระบบ

Registry ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บค่าการตั้งค่าต่าง ๆ ของระบบปฏิบัติการ Windows เช่น การตั้งค่าการเชื่อมต่อเครือข่าย ค่าความปลอดภัย การกำหนดค่าผู้ใช้ และอื่น ๆ

การควบคุมการทำงานของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์

ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งในระบบจะใช้ค่าที่เก็บอยู่ใน Registry เพื่อกำหนดพฤติกรรมของการทำงาน ตัวอย่างเช่น ไดรเวอร์ฮาร์ดแวร์ใช้ Registry เพื่อตรวจสอบค่าการกำหนดค่าเริ่มต้นของอุปกรณ์

ผลกระทบเมื่อ Registry เสียหาย

หาก Registry เสียหาย อาจทำให้ระบบ Windows ทำงานผิดพลาด หรือแม้กระทั่งไม่สามารถบูตเข้าสู่ระบบได้ ดังนั้นการสำรองข้อมูล Registry อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ

วิธีเข้าถึงและแก้ไข Windows Registry อย่างปลอดภัย

วิธีเปิด Registry Editor (Regedit)

สามารถเปิด Registry Editor ได้โดยกด Win + R แล้วพิมพ์ regedit จากนั้นกด Enter

คำแนะนำเบื้องต้นก่อนแก้ไข

  • ควรสำรองข้อมูล Registry ก่อนแก้ไข
  • หลีกเลี่ยงการลบคีย์ที่ไม่แน่ใจว่ามีหน้าที่อะไร
  • ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบ (Administrator) เพื่อเข้าถึงและแก้ไขค่าใน Registry

วิธีแก้ไขไฟล์ Registry อย่างปลอดภัย

วิธีสำรองข้อมูล Registry ก่อนแก้ไข

ก่อนทำการแก้ไขควรสำรองข้อมูลโดยใช้วิธีดังนี้:

  1. เปิด Regedit
  2. ไปที่ File > Export
  3. เลือกประเภทของการสำรองข้อมูล (All หรือ Selected Branch)
  4. ตั้งชื่อไฟล์และกด Save

วิธีเพิ่ม/แก้ไข/ลบคีย์และค่า

  • คลิกขวาที่คีย์ที่ต้องการแล้วเลือก New เพื่อสร้างค่าใหม่
  • ดับเบิลคลิกที่ค่าเพื่อตั้งค่าหรือเปลี่ยนค่า
  • คลิกขวาแล้วเลือก Delete เพื่อลบค่า

คำสั่ง Command Line ที่เกี่ยวข้อง

  • reg add – ใช้เพิ่มค่า
  • reg delete – ใช้ลบค่า
  • reg query – ใช้ดูค่าปัจจุบันใน Registry

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *