NeRF คืออะไร

NeRF หรือ Neural Radiance Field เป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกพัฒนาเพื่อสร้างภาพ 3 มิติจากข้อมูลภาพถ่าย 2 มิติ โดยใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ผ่านโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Network) ทำให้สามารถสร้างภาพเสมือนจริงที่มีความละเอียดสูงและแม่นยำมากขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ภาพยนตร์ เกม และเทคโนโลยีเสมือนจริง (AR/VR)

 

ประเภทของ Neural Radiance Fields (NeRF)

NeRF รุ่นแรกเริ่มมีปัญหาหลายอย่าง เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพที่ทำได้ยาก ความล่าช้าในการประมวลผล และการพึ่งพาภาพถ่ายจากมุมกล้องที่ต้องปรับเทียบและจัดแสงเงาอย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม มีการพัฒนา NeRF รุ่นใหม่หลายรูปแบบที่ช่วยแก้ไขข้อจำกัดเหล่านี้และเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างภาพ 3 มิติที่มีคุณภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น

PixelNeRF

PixelNeRF เป็นหนึ่งใน NeRF รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในปี 2021 (CPVR 2021) จุดเด่นของ PixelNeRF คือการนำเสนอสถาปัตยกรรมแบบบูรณาการที่สามารถกำหนดเงื่อนไขในการสร้างภาพ 3 มิติจากภาพถ่ายเพียงภาพเดียว แตกต่างจาก NeRF รุ่นแรกที่ต้องใช้มุมกล้องและข้อมูลภาพจากหลายทิศทาง PixelNeRF สามารถลดความซับซ้อนและจำนวนข้อมูลที่ต้องใช้ วิธีการนี้ช่วยขจัดความจำเป็นในการจัดระเบียบมุมกล้องจำนวนมาก และลดทรัพยากรที่ต้องใช้ในการประมวลผล ทำให้กระบวนการสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพของ NeRF ราบรื่นและง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น เหมาะสำหรับงานที่ข้อมูลมีข้อจำกัด เช่น การสร้างภาพจากมุมมองเดียว

Mega-NeRD

Mega-NeRD เปิดตัวในปี 2022 (CVPR 2022) โดยออกแบบมาเพื่อรองรับการสร้างภาพ 3 มิติในฉากที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน ตัวระบบมีอัลกอริทึมพิเศษที่สามารถทำคลัสเตอร์ข้อมูลทางเรขาคณิตและใช้โครงสร้างเครือข่ายแบบกระจาย ซึ่งช่วยให้การประมวลผลภาพสามารถรองรับสภาพแสงที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Mega-NeRD ใช้เทคนิค Neural Radiance แบบกระจาย (SNeRG) เพื่อจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้สามารถจับภาพและแสดงผลสภาพแวดล้อมในโลกแห่งความเป็นจริงได้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำและรายละเอียดสูงในพื้นที่กว้าง

NSVF (Neural Sparse Voxel Fields)

NSVF เป็นนวัตกรรม NeRF ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อลดความซับซ้อนของการประมวลผลภาพโดยการข้ามพิกเซลว่าง (Empty Pixels) ในระหว่างขั้นตอนการประมวลผล ทำให้ประหยัดเวลาและเพิ่มความเร็ว NSVF ใช้เทคนิคการเรียนรู้โครงสร้างพิกเซลในเซลล์เครือข่าย ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างภาพ 3 มิติที่มีคุณภาพสูงได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งมุมมองกล้องเฉพาะเจาะจง การปรับปรุงนี้เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการภาพ 3 มิติที่คมชัดและใช้ทรัพยากรการประมวลผลน้อย

Plenoptic Voxel

Plenoptic Voxel เป็นนวัตกรรมที่แตกต่างจาก NeRF ทั่วไป โดยแทนที่จะใช้นิวรัลเน็ตเวิร์กแบบ Multilayer Perceptron (MLP) Plenoptic Voxel ใช้ตาราง 3 มิติแบบกระจายเพื่อสร้างและจัดการโมเดล 3 มิติ การเปลี่ยนมาใช้ตาราง 3 มิตินี้ช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลและยังคงรักษาความแม่นยำและรายละเอียดของภาพไว้ได้ การประมวลผลด้วย Plenoptic Voxel ยังช่วยให้สามารถแก้ไข Voxel ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับงานที่ต้องการผลลัพธ์อย่างรวดเร็วและปรับเปลี่ยนโมเดลได้ง่าย

 

พื้นฐานของเทคโนโลยี NeRF

2.1 นิยาม Neural Radiance Field

NeRF คือการใช้โครงข่ายประสาทเทียมเพื่อสร้าง “สนามรังสี” (Radiance Field) ซึ่งบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสีและความหนาแน่นของแสงในพื้นที่ 3 มิติ โดยสามารถสร้างโมเดล 3 มิติได้จากภาพถ่ายหลายมุมมอง

2.2 แนวคิดหลักที่อยู่เบื้องหลัง NeRF

หลักการสำคัญของ NeRF คือการฝึกโครงข่ายประสาทเทียมให้เข้าใจการกระจายแสงในปริภูมิ 3 มิติ โดยใช้ข้อมูลจากภาพ 2 มิติที่เก็บรวบรวมจากมุมมองต่าง ๆ เช่น การถ่ายภาพวัตถุจากทุกมุมเพื่อให้ระบบเรียนรู้รูปร่างและแสงเงา

 

วิธีการทำงานของ NeRF

3.1 การสร้างโมเดล 3 มิติจากภาพ 2 มิติ

NeRF ใช้ชุดของภาพถ่าย 2 มิติจากมุมมองที่แตกต่างกันเพื่อฝึกระบบโครงข่ายประสาทเทียม โดย NeRF จะทำความเข้าใจและแปลงข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นภาพ 3 มิติที่สามารถหมุนและมองจากมุมมองใดก็ได้

3.2 การใช้ข้อมูลปริภูมิรังสี (Radiance Field)

NeRF สร้าง Radiance Field ที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ:

  • สีของแสง (RGB)
  • ความหนาแน่น (Density) ซึ่งใช้เพื่อระบุว่าแสงผ่านวัตถุใดบ้าง

องค์ประกอบสำคัญของ NeRF

4.1 เครือข่าย Neural Network

NeRF ใช้ Neural Network แบบ Fully Connected ที่มีจุดเด่นในการประมวลผลข้อมูลแบบต่อเนื่อง เพื่อสร้างแบบจำลอง 3 มิติที่มีความแม่นยำสูง

4.2 การประมวลผลสีและความหนาแน่น

NeRF จะคำนวณค่าของสีและความหนาแน่นสำหรับทุกตำแหน่งในปริภูมิ 3 มิติ โดยใช้ข้อมูลการกระจายของแสงและความโปร่งใส

ขั้นตอนการสร้าง NeRF

5.1 การป้อนข้อมูลภาพถ่าย

ผู้ใช้งานต้องถ่ายภาพวัตถุจากมุมมองต่าง ๆ และป้อนชุดข้อมูลนี้เข้าสู่ระบบ

5.2 กระบวนการเรียนรู้ (Training)

NeRF จะใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Supervised Learning โดยเรียนรู้จากการเปรียบเทียบผลลัพธ์ของโมเดลกับภาพถ่ายจริง จนกระทั่งสามารถสร้างภาพ 3 มิติที่เหมือนจริงที่สุด

ประโยชน์และการประยุกต์ใช้ NeRF

6.1 การสร้างภาพ 3 มิติในวงการภาพยนตร์และเกม

NeRF ช่วยสร้างฉากและตัวละครเสมือนจริงที่สมจริงในระดับที่สูงมาก โดยเฉพาะในงานสร้างภาพยนตร์และเกม

6.2 การพัฒนาระบบ AR/VR

NeRF มีบทบาทสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อม 3 มิติสำหรับเทคโนโลยี AR/VR ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่สมจริงยิ่งขึ้น

6.3 การใช้งานในด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม

ในด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม NeRF ใช้ในการสร้างแบบจำลองโครงสร้าง 3 มิติที่สามารถจำลองแสงเงาและมุมมองได้อย่างแม่นยำ

ข้อดีของ NeRF

  • ประหยัดเวลาและทรัพยากรในการสร้างภาพ 3 มิติ
  • คุณภาพของภาพมีความละเอียดและสมจริงสูง
  • ใช้งานได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม

ข้อจำกัดของ NeRF

  • ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์สูง
  • กระบวนการเรียนรู้ต้องใช้เวลา
  • ขึ้นอยู่กับคุณภาพและจำนวนของภาพถ่ายที่ใช้ในการฝึก

NeRF กับเทคโนโลยี AI อื่น ๆ

NeRF แตกต่างจากเทคโนโลยี 3D Rendering แบบดั้งเดิมตรงที่ใช้ Machine Learning เพื่อเรียนรู้และสร้างแบบจำลอง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สมจริงมากขึ้นในบางกรณี

อนาคตของ NeRF

ในอนาคต NeRF อาจถูกพัฒนาให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น รวมถึงการปรับให้ใช้งานในระบบที่หลากหลาย เช่น IoT และหุ่นยนต์อัตโนมัติ

บทสรุป

NeRF เป็นเทคโนโลยีที่ปฏิวัติการสร้างภาพ 3 มิติ ด้วยความสามารถในการสร้างภาพเสมือนจริงจากข้อมูล 2 มิติผ่านโครงข่ายประสาทเทียม ไม่เพียงแต่สร้างโอกาสใหม่ในวงการภาพยนตร์และเกม แต่ยังช่วยพัฒนาเทคโนโลยี AR/VR และงานสถาปัตยกรรมให้ก้าวหน้า

FAQs

  1. NeRF ใช้สำหรับอะไรได้บ้าง?
    ใช้สร้างภาพ 3 มิติสำหรับงานภาพยนตร์ เกม AR/VR และสถาปัตยกรรม
  2. NeRF ทำงานอย่างไร?
    โดยการใช้ Neural Network เรียนรู้จากภาพถ่าย 2 มิติและสร้าง Radiance Field
  3. ข้อจำกัดของ NeRF มีอะไรบ้าง?
    ใช้ทรัพยากรสูง และต้องการข้อมูลภาพที่มีคุณภาพ
  4. NeRF แตกต่างจากการสร้างภาพ 3 มิติแบบดั้งเดิมอย่างไร?
    NeRF ใช้ Machine Learning ในการเรียนรู้ ทำให้ผลลัพธ์สมจริงกว่า
  5. อนาคตของ NeRF จะเป็นอย่างไร?
    คาดว่าจะพัฒนาให้ทำงานได้เร็วขึ้นและรองรับการใช้งานในหลายอุตสาหกรรม

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : Amazon

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *