ระบบ Identity and Access Management (IAM) คืออะไร?

Identity and Access Management (IAM)

Identity and Access Management (IAM) คือระบบที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการและควบคุมตัวตนของผู้ใช้งาน (Identity) และการเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ (Access) ในระบบ IT ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการบริหารจัดการผู้ใช้, อุปกรณ์, บริการ และข้อมูล เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

IAM ใช้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เช่น ระบบองค์กรภายใน (On-premise), ระบบคลาวด์ (Cloud), และโครงสร้างแบบไฮบริด (Hybrid Infrastructure)

องค์ประกอบของ IAM

  1. Identity Management (การจัดการตัวตน)
    • Directory Services ฐานข้อมูลที่จัดเก็บข้อมูลตัวตนของผู้ใช้ เช่น Active Directory (AD), LDAP (Lightweight Directory Access Protocol)
    • Identity Federation การรวมตัวตนจากหลายแหล่ง เช่น การใช้ SAML (Security Assertion Markup Language), OAuth, หรือ OpenID Connect (OIDC) เพื่อรองรับการยืนยันตัวตนข้ามระบบ
    • Provisioning/Deprovisioning กระบวนการสร้าง, อัปเดต, และยกเลิกบัญชีผู้ใช้ รวมถึงการกำหนดสิทธิ์โดยอัตโนมัติ
  2. Authentication (การยืนยันตัวตน)
    • Single Sign-On (SSO) ให้ผู้ใช้เข้าสู่ระบบเพียงครั้งเดียวเพื่อเข้าถึงแอปพลิเคชันหรือทรัพยากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
    • Multi-Factor Authentication (MFA) ใช้หลายปัจจัยในการยืนยันตัวตน เช่น รหัสผ่าน, รหัส OTP, หรือข้อมูลไบโอเมตริกซ์
    • Passwordless Authentication การยืนยันตัวตนโดยไม่ใช้รหัสผ่าน เช่น การใช้ไบโอเมตริกซ์หรือการเชื่อมต่ออุปกรณ์ความปลอดภัย (FIDO2)
  3. Authorization (การกำหนดสิทธิ์)
    • Role-Based Access Control (RBAC) การกำหนดสิทธิ์ตามบทบาทของผู้ใช้ เช่น Admin, User, หรือ Read-only
    • Attribute-Based Access Control (ABAC) ใช้แอตทริบิวต์ต่างๆ เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง, เวลา, หรือสถานะของอุปกรณ์ในการกำหนดสิทธิ์
    • Policy-Based Access Control (PBAC) ใช้นโยบายเฉพาะในการควบคุมการเข้าถึง เช่น นโยบาย Zero Trust
    • Least Privilege Principle ให้สิทธิ์น้อยที่สุดที่จำเป็นสำหรับการทำงานของผู้ใช้
  4. Access Management (การจัดการการเข้าถึง)
    • Access Tokens เช่น JWT (JSON Web Token) หรือ OAuth Tokens ที่ใช้เพื่อรับรองสิทธิ์ของผู้ใช้
    • Session Management การจัดการเซสชันของผู้ใช้งาน เช่น การหมดอายุของเซสชัน, การยกเลิกเซสชัน
    • Just-in-Time Access การอนุญาตให้เข้าถึงระบบชั่วคราวตามความจำเป็น
  5. Audit and Monitoring (การตรวจสอบและติดตาม)
    • Logging and Reporting เก็บข้อมูลการเข้าถึง เช่น ใครทำอะไร เมื่อไหร่ และอย่างไร
    • Behavioral Analysis วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานเพื่อตรวจจับกิจกรรมที่ผิดปกติ
    • Integration with SIEM ส่งข้อมูลไปยังระบบ Security Information and Event Management (SIEM) เพื่อวิเคราะห์และตอบสนองต่อภัยคุกคาม
  6. Privileged Access Management (PAM)
    • การจัดการสิทธิ์ระดับสูง เช่น ผู้ดูแลระบบ (Admin) หรือบัญชีที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลสำคัญ
    • การใช้ Vault เพื่อเก็บข้อมูลรับรอง (Credentials) เช่น HashiCorp Vault

เทคโนโลยีและโปรโตคอลที่ใช้ใน IAM

  1. Authentication Protocols
    • SAML ใช้สำหรับการยืนยันตัวตนในองค์กร
    • OAuth 2.0 โปรโตคอลที่ใช้สำหรับการอนุญาตการเข้าถึง (Authorization)
    • OpenID Connect (OIDC) ใช้สำหรับการยืนยันตัวตนในระบบที่เชื่อมต่อกับ OAuth 2.0
  2. Directory Protocols
    • LDAP โปรโตคอลมาตรฐานสำหรับการเข้าถึง Directory Services
    • Kerberos ใช้สำหรับการยืนยันตัวตนในเครือข่ายที่มีความปลอดภัยสูง
  3. Encryption and Security Standards
    • PKI (Public Key Infrastructure) ใช้ในการยืนยันตัวตนด้วยใบรับรองดิจิทัล (Certificates)
    • TLS/SSL โปรโตคอลสำหรับการเข้ารหัสการสื่อสารระหว่างผู้ใช้งานและระบบ

รูปแบบการใช้งานของ IAM ในองค์กร

1. On-Premise IAM

On-Premise IAM คือระบบจัดการตัวตนและการเข้าถึงที่ติดตั้งและใช้งานในโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรเอง โดยไม่ได้พึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์

  • ตัวอย่าง
    • Active Directory (AD) ของ Microsoft ระบบ Directory Services ที่ใช้ในการจัดการบัญชีผู้ใช้, กลุ่ม (Groups), และสิทธิ์การเข้าถึงภายในเครือข่ายขององค์กร
    • ระบบ LDAP (Lightweight Directory Access Protocol) ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลตัวตนและสิทธิ์ในฐานข้อมูล Directory
  • การใช้งาน
    • ใช้สำหรับองค์กรที่ต้องการควบคุมระบบและข้อมูลภายในโดยสมบูรณ์
    • เหมาะสำหรับองค์กรที่มีระบบ ERP (เช่น SAP) หรือ CRM (เช่น Salesforce) ที่โฮสต์อยู่ในโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรเอง
  • ข้อดี
    • ควบคุมระบบและข้อมูลได้อย่างเต็มที่
    • ความปลอดภัยสูง เนื่องจากระบบทั้งหมดอยู่ในเครือข่ายภายในขององค์กร
    • เหมาะสำหรับองค์กรที่มีข้อกำหนดเฉพาะด้านกฎหมายหรือมาตรฐานความปลอดภัย
  • ข้อเสีย
    • ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์, และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ
    • มีค่าใช้จ่ายสูงในการบำรุงรักษาระบบและการอัปเดตซอฟต์แวร์

2. Cloud-Based IAM

Cloud-Based IAM คือบริการ IAM ที่โฮสต์อยู่บนคลาวด์และให้บริการผ่านผู้ให้บริการระบบคลาวด์ เช่น AWS, Microsoft Azure, หรือ Google Cloud

  • ตัวอย่าง
    • AWS IAM (Identity and Access Management) ช่วยจัดการสิทธิ์ในการเข้าถึงบริการและทรัพยากรใน Amazon Web Services
    • Azure Active Directory (Azure AD) ให้บริการจัดการตัวตนสำหรับ Microsoft 365 และแอปพลิเคชันอื่นๆ
    • Google Workspace Identity ใช้จัดการตัวตนสำหรับผู้ใช้บริการ Google Workspace เช่น Gmail, Google Drive
  • การใช้งาน
    • ใช้ในการจัดการตัวตนและสิทธิ์การเข้าถึงระบบคลาวด์ เช่น การควบคุมสิทธิ์ผู้ใช้งานในแอปพลิเคชัน SaaS (Software as a Service)
    • เหมาะสำหรับองค์กรที่ใช้บริการหรือโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์
  • ข้อดี
    • ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับฮาร์ดแวร์และการบำรุงรักษาระบบ
    • สามารถปรับขนาดการใช้งานได้ง่ายตามความต้องการขององค์กร
    • การอัปเดตและการรักษาความปลอดภัยดำเนินการโดยผู้ให้บริการคลาวด์
    • รองรับการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกับระบบและบริการคลาวด์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
  • ข้อเสีย
    • อาจมีข้อจำกัดด้านการปรับแต่งเมื่อเทียบกับระบบ On-Premise
    • การพึ่งพาผู้ให้บริการอาจมีความเสี่ยงในกรณีที่บริการล่มหรือหยุดชะงัก
    • ความปลอดภัยของข้อมูลขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการระบบคลาวด์

3. Hybrid IAM

Hybrid IAM คือการผสานรวมระบบ IAM ทั้งแบบ On-Premise และ Cloud-Based เพื่อให้สามารถใช้งานในโครงสร้างพื้นฐานทั้งสองรูปแบบได้อย่างราบรื่น

  • ตัวอย่าง
    • การรวม Active Directory (On-Premise) กับ Azure Active Directory (Cloud-Based) เพื่อให้พนักงานสามารถใช้บัญชีผู้ใช้เดียวกันในการเข้าถึงระบบภายในองค์กรและแอปพลิเคชันบนคลาวด์
  • การใช้งาน
    • ใช้ในองค์กรที่มีระบบ On-Premise และกำลังเปลี่ยนไปใช้ระบบ Cloud-Based แต่ยังต้องการใช้งานทั้งสองระบบควบคู่กัน
    • เหมาะสำหรับองค์กรที่มีแอปพลิเคชันหรือข้อมูลบางส่วนบนคลาวด์ และบางส่วนอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์กร
  • ข้อดี
    • สามารถใช้ประโยชน์จากทั้ง On-Premise และ Cloud-Based ได้
    • สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านระบบจาก On-Premise ไปยัง Cloud-Based อย่างราบรื่น
    • ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงทรัพยากรได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวตนหรือวิธีการยืนยันตัวตน
  • ข้อเสีย
    • ความซับซ้อนในการจัดการและการตั้งค่าระบบ
    • ต้องมีการผสานรวมระหว่างระบบ On-Premise และ Cloud-Based อย่างเหมาะสม
    • อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการผสานรวมและบำรุงรักษาระบบ

เปรียบเทียบ On-Premise IAM, Cloud-Based IAM, และ Hybrid IAM

คุณสมบัติOn-Premise IAMCloud-Based IAMHybrid IAM
การติดตั้งติดตั้งในองค์กรบริการโฮสต์บนคลาวด์ผสาน On-Premise กับ Cloud
ความปลอดภัยควบคุมได้เต็มที่ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการผสมผสานตามการใช้งาน
ความยืดหยุ่นต่ำสูงปานกลาง
ค่าใช้จ่ายสูงต่ำปานกลาง
การปรับขนาดจำกัดปรับขนาดได้ง่ายยืดหยุ่น
ความซับซ้อนสูงต่ำสูง
การใช้งานร่วมกันระบบภายในระบบคลาวด์ทั้งสองระบบ

สรุปการเลือกใช้งาน

  • On-Premise IAM เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยสูงและมีข้อกำหนดเฉพาะในการควบคุมระบบ
  • Cloud-Based IAM เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่น, การปรับขนาด, และการบำรุงรักษาที่ง่าย
  • Hybrid IAM เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความต่อเนื่องในการทำงานและใช้งานระบบทั้ง On-Premise และ Cloud-Based ควบคู่กัน

แนวคิด Zero Trust ใน IAM

IAM เป็นส่วนสำคัญของแนวคิด Zero Trust Security ซึ่งไม่เชื่อถืออัตโนมัติในผู้ใช้หรืออุปกรณ์ใดๆ แม้จะอยู่ในเครือข่ายภายใน โดยมีหลักการสำคัญ

  1. ตรวจสอบตัวตนของทุกคนและทุกอุปกรณ์ก่อนให้เข้าถึง
  2. จำกัดสิทธิ์การเข้าถึงให้เฉพาะที่จำเป็น
  3. ตรวจสอบและตรวจจับภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง

ข้อดีเชิงเทคนิค

  • ปรับขนาดได้ (Scalable) รองรับผู้ใช้งานจำนวนมากในระบบคลาวด์
  • การผสานรวม (Integration) รองรับการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันและระบบอื่นๆ ผ่าน API
  • ความปลอดภัยขั้นสูง รองรับการใช้ MFA และการวิเคราะห์พฤติกรรม

IAM เป็นโซลูชันสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยง และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ

การติดต่อ Great Ocean เพื่อขอคำแนะนำในการเลือกใช้ IAM ที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจและองค์กร สามารถทำได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

โทร : 02-943-0180 ต่อ 120
โทร : 099-495-8880
E-mail : support@gtoengineer.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *