DeepSeek ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการธุรกิจและเทคโนโลยี ท่ามกลางข่าวเกี่ยวกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และราคาหุ้นที่ร่วงลง คำถามสำคัญคือ โมเดล AI ใหม่ของ DeepSeek จะส่งผลอย่างไรต่อธุรกิจ ตั้งแต่กลยุทธ์ AI ระยะยาวไปจนถึงการทดลองใช้เทคโนโลยีในระดับปฏิบัติการ
เพื่อให้ผู้นำด้านเทคโนโลยีและธุรกิจมีข้อมูลในการตัดสินใจ เราได้รวบรวมคำตอบสำหรับคำถามสำคัญ 5 ข้อที่สามารถช่วยให้คุณก้าวไปข้างหน้าได้ ไม่ว่าสถานการณ์ข่าวและกระแสจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในอนาคต
DeepSeek AI คืออะไร ทำไมถึงเป็นข่าว?
DeepSeek เป็นสตาร์ทอัพจากจีนที่เพิ่งเปิดตัวโมเดล AI สองตัว ได้แก่ DeepSeek-R1 และ DeepSeek R1-Zero เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 ข่าวนี้ได้รับความสนใจอย่างมากเนื่องจากประสิทธิภาพของโมเดลเทียบเคียงกับคู่แข่งชั้นนำอย่าง Llama, Gemini, Claude และ ChatGPT o1 แม้ว่าโมเดลของ DeepSeek จะได้รับการฝึกฝนบนชิปของ NVIDIA ที่มีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพเนื่องจากกฎระเบียบการส่งออกของรัฐบาลสหรัฐฯ
สิ่งที่น่าทึ่งคือ ทีมวิศวกรของ DeepSeek สามารถปรับปรุงโค้ดเพื่อชดเชยข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ ทำให้สามารถสร้างโมเดลที่ทรงพลังขึ้นมาได้ ผลกระทบที่ตามมาคือ มูลค่าหุ้นของ NVIDIA ลดลงเกือบ 600 พันล้านดอลลาร์ และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ก็ตื่นตัวอย่างหนัก เมื่อมีผู้เล่นจากจีนสามารถพัฒนา AI ที่แข็งแกร่งได้แม้จะใช้ฮาร์ดแวร์ที่ด้อยกว่า
DeepSeek จะช่วยลดต้นทุน ด้าน AI สำหรับธุรกิจหรือไม่?
DeepSeek-R1 มีหลายขนาดและสามารถรันบนฮาร์ดแวร์ทั่วไปได้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการพัฒนา Agentic AI ซึ่งต้องใช้การประมวลผลหลายรอบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ
แม้จะยากต่อการระบุค่าใช้จ่ายที่แน่นอน แต่มีรายงานว่า ค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ของ DeepSeek ต่ำกว่าของ OpenAI ถึง 20-50 เท่า แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านในอุตสาหกรรม แต่ก็มีหลักฐานที่ชี้ว่าเรื่องนี้เป็นจริง ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนในการใช้ AI ลดลงทั้งในแง่ของการฝึกโมเดลและการใช้งานในแอปพลิเคชัน
DeepSeek AI รักษ์โลก ?
โมเดลของ DeepSeek แสดงให้เห็นว่าเราสามารถได้ประสิทธิภาพสูงโดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานในระดับเดียวกับโมเดล AI ขนาดใหญ่ของบริษัทอื่นๆ ซึ่งส่งผลให้ ราคาหุ้นของบริษัทพลังงานลดลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าความต้องการใช้พลังงานสำหรับ AI อาจลดลง
สำหรับบริษัทอย่าง OpenAI และ Google ซึ่งวางแผนลงทุนมหาศาลในศูนย์ข้อมูล การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้พวกเขาต้องทบทวนกลยุทธ์ใหม่ หาก DeepSeek แสดงให้เห็นว่าการพัฒนา AI ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลอย่างที่เคยเชื่อกัน
DeepSeek จะเป็นตัวเร่งสำคัญในอุตสาหกรรม AI หรือไม่?
สิ่งที่ DeepSeek ทำได้สำเร็จ อาจเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของ ประสิทธิภาพ มากกว่าขนาด การพัฒนา AI ในช่วงที่ผ่านมาเน้นไปที่การขยายขนาด การใช้พลังงานมหาศาล และการฝึกโมเดลที่ใหญ่ขึ้น แต่ DeepSeek แสดงให้เห็นว่าการพัฒนา AI อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณทรัพยากรเสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับ ความชาญฉลาดในการออกแบบและปรับแต่ง
นอกจากนี้ DeepSeek-R1 ยังเป็นโมเดลแบบ “Open-ish” ซึ่งหมายความว่า เปิดให้ใช้งานได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็น Open Source อย่างเต็มรูปแบบ นี่อาจเป็นการท้าทายต่อระบบ AI ที่ปิดของบริษัทใหญ่ ๆ และอาจเปิดโอกาสให้ธุรกิจใหม่ ๆ พิจารณาพัฒนาโมเดลของตัวเองมากขึ้น
ธุรกิจควรทำอย่างไรต่อไป?
อุตสาหกรรม AI เคลื่อนไหวเร็วมาก และความก้าวหน้าลักษณะนี้จะยังคงเกิดขึ้นต่อไป ดังนั้น ธุรกิจควรมีระบบทดลองและประเมินเทคโนโลยีที่ยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เพราะไม่แน่ว่าอาจมีโมเดล AI ใหม่จากบริษัทอื่นเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าก็ได้
ณ ขณะนี้ DeepSeek นำเสนอศักยภาพที่น่าสนใจในหลายกรณีการใช้งาน ตั้งแต่ การสร้างแอปพลิเคชันแชท ไปจนถึงการใช้ AI ในการเขียนโค้ด ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับองค์กรที่ต้องการนำ Generative AI เข้าสู่สภาพแวดล้อมการผลิต
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจควรระมัดระวังเกี่ยวกับ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญไม่ว่าคุณจะใช้ AI รุ่นใด โดยเฉพาะเมื่อมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ รัฐบาลจีนอาจสามารถเข้าถึงข้อมูลของ DeepSeek
ที่ Great Ocean เราตื่นเต้นกับการทดลองใช้ DeepSeek และสนับสนุนให้วงการเทคโนโลยีประเมินและแบ่งปันคุณค่าที่ได้รับจากมัน เพราะนั่นคือวิธีที่เราจะเรียนรู้และพัฒนาไปด้วยกัน ที่สำคัญที่สุดคือ การนำ AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้าและอุตสาหกรรมโดยรวม
หากธุรกิจของคุณ ต้องการนำ AI มาปรับใช้กับธุรกิจ ที่ Great Oean เรามีบริการด้าน AI Solution สำหรับธุรกิจภายในประเทศไทยโดยเฉพาะ สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่
โทร : 02-943-0180 ต่อ 120
โทร : 099-495-8880
E-mail : support@gtoengineer.com
หรือสั่งซื้อเซิร์ฟเวอร์สำหรับ AI เพื่อใช้ในองค์กร ได้ที่ Server ทั้งหมด