เคยสงสัยกันไหมครับ !? ว่าในงานแข่งกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิกเขาจับเวลาตัดสินในจังหวะยาก ๆ กันอย่างไร อะไรคือเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง โดย ‘OMEGA’ แบรนด์นาฬิกาหรูจากสวิตเซอร์แลนด์ผู้อยู่เบื้องหลังการจับเวลาโอลิมปิกมาตั้งแต่ปี 1932 และในโอลิมปิก ปารีส 2024 ครั้งล่าสุด พวกเขานำเทคโนโลยีอะไรมาใช้กันบ้าง เราไปหาคำตอบกันได้ในบทความนี้เลยครับ
กล้อง Photo-Finish ความละเอียดสูง Scan’O’Vision ULTIMATE ตัดสินกันระดับ 40,000 ภาพ/วินาที
จากการแข่งขันกรีฑา วิ่ง 100 เมตรชาย เมื่อคืนวันที่ 4 สิงหาคม 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งเหมือนเป็นการรวมเอานักกีฬาตัวตึงไว้ด้วยกัน โดยในช่วงท้าย โนอาห์ ไลล์ส (Noah Lyles) จากสหรัฐฯ ได้เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลา 9.79 วินาที ตามมาด้วยคิเชน ธอมป์สัน (Kishane Thompson) จากจาเมกา ที่ทำเวลาได้เท่า ๆ กันจนต้องมีการใช้วิธีตัดสินด้วยภาพถ่าย
เบื้องหลังการตัดสินนี้ไม่ได้ใช้กล้องธรรมดาทั่ว ๆ ไปแต่อย่างใดครับ แต่เป็นกล้องความละเอียดสูง Photoelectric Cell ที่เรียกว่า ‘OMEGA Scan’O’Vision ULTIMATE’ สามารถรัวภาพได้สูงสุด 40,000 ภาพ/วินาที ที่ถูกติดตั้งไว้ที่เส้นชัย โดยนี่ยังเป็นครั้งแรกของโลกที่ใช้กล้องความเร็วสูงขนาดนี้ครับ อย่างในโอลิมปิก โตเกียว 2020 ก็ยังใช้เพียง 10,000 ภาพ/วินาที เรียกว่ารัวกันขนาดเห็นความต่างของภาพเพียงเสี้ยววินาทีได้สบาย
ซึ่งหลักการทำงานของเจ้ากล้องตัวนี้คือจะบันทึกภาพกว้างเพียง 1 พิกเซล ที่หน้าเส้นชัยเท่านั้น ทันทีที่นักกีฬาวิ่งผ่านก็จะเอาพิกเซลเพียง 1 พิกเซลนั้นมาเรียงต่อกันจากขวาไปซ้ายจนได้เป็นภาพ Photo-Finish ขึ้นมา ซึ่งเราก็จะวัดกันตรงนี้นี่ล่ะครับ ที่ไลล์สคว้าชัยชนะไปที่ 9.784 วินาที เฉือนธอมป์สันที่ 9.789 วินาที ไปเพียง 0.005 วินาที
แหล่งที่มา :
-
- ภาพและบทความภาษาไทยคัดลอกจาก beartai.com