สรุปให้ครบ Intel i3, i5, i7 และ i9 เลือกตัวไหนดี?

Intel i3  i5  i7 and i9  which one should I choose

ถ้าคุณเคยเลือกซื้อคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กใหม่ คงเคยเห็นคำว่า Intel Core i3, i5, i7 หรือ i9 ผ่านตาแน่นอน แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ มันต่างกันยังไง? และควรเลือกใช้งานตัวไหนให้เหมาะสมกับความต้องการของเรา? ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ CPU ตระกูล Intel Core Processor อย่างเจาะลึก พร้อมปัจจัยที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ทำความรู้จักกับ Intel Core Processor

Intel Core Processor เป็นตระกูลซีพียูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ถูกพัฒนาโดย Intel Corporation ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่มีชื่อเสียงมายาวนานตั้งแต่ปี 1968

ซีพียูในตระกูล Intel Core มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งรุ่นย่อยที่เราคุ้นเคยเป็น i3, i5, i7 และ i9 ซึ่งถูกออกแบบมาให้ตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่ระดับผู้ใช้ทั่วไปจนถึงมืออาชีพที่ต้องการประสิทธิภาพขั้นสูง

วิวัฒนาการของ Intel Core Processor

  1. เปิดตัวครั้งแรก (2006)
    Intel เปิดตัวตระกูล Core Processor ครั้งแรกด้วยรุ่น Core Duo ซึ่งเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีแบบมัลติคอร์ (Multi-Core) ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผลพร้อมกัน
  2. การแบ่งรุ่นตามระดับการใช้งาน
    ในช่วงปี 2008 Intel ได้เปิดตัวซีพียูในตระกูล Core i Series ได้แก่ i3, i5 และ i7 เพื่อแบ่งกลุ่มผู้ใช้งานอย่างชัดเจน โดยรุ่น i9 ตามมาในปี 2017 สำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด
  3. เทคโนโลยี Hyper-Threading และ Turbo Boost
    หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Intel Core Processor คือเทคโนโลยี Hyper-Threading ที่ช่วยเพิ่มจำนวนเธรดสำหรับการประมวลผล และ Turbo Boost ที่ช่วยเร่งความเร็ว Clock Speed ให้เหมาะสมกับการใช้งานหนัก
  4. กราฟิกในตัว (Integrated Graphics)
    Intel ได้เพิ่มกราฟิกในตัวซีพียู เช่น Intel UHD หรือ Iris Xe เพื่อให้ซีพียูรองรับงานกราฟิกเบื้องต้นได้โดยไม่ต้องใช้การ์ดจอแยก

ตระกูล Intel Core Processor

  1. Intel Core i3
    • เหมาะสำหรับ งานพื้นฐาน เช่น การท่องเว็บ ดูวิดีโอ หรือการใช้งานเอกสาร
    • จำนวนคอร์และเธรด โดยทั่วไปจะมี 2-4 คอร์ และ 4-8 เธรด
    • จุดเด่น ราคาประหยัด เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูง
  2. Intel Core i5
    • เหมาะสำหรับ การเล่นเกมเบา ๆ ใช้งานโปรแกรมที่ซับซ้อนมากขึ้น
    • จำนวนคอร์และเธรด ส่วนใหญ่มี 4-6 คอร์ และ 8-12 เธรด
    • จุดเด่น สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ
  3. Intel Core i7
    • เหมาะสำหรับ งานที่ต้องการพลังประมวลผล เช่น ตัดต่อวิดีโอ เล่นเกมกราฟิกสูง
    • จำนวนคอร์และเธรด มี 8-12 คอร์ และ 16-24 เธรด
    • จุดเด่น รองรับงานหนักได้ดี เร็วกว่า i3 และ i5
  4. Intel Core i9
    • เหมาะสำหรับ งานวิศวกรรม การเรนเดอร์ 3D เล่นเกม 4K หรือทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
    • จำนวนคอร์และเธรด สูงสุดถึง 16 คอร์ และ 32 เธรด
    • จุดเด่น ประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด เหมาะสำหรับมืออาชีพ

ฟีเจอร์เด่นของ Intel Core Processor

  1. Hyper-Threading Technology
    ฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มจำนวนเธรดในการประมวลผล ทำให้ CPU สามารถจัดการงานหลายอย่างได้พร้อมกัน ยกตัวอย่างเช่น i7 และ i9 ที่รองรับ Hyper-Threading
  2. Turbo Boost Technology
    เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความเร็ว Clock Speed แบบอัตโนมัติ เมื่อซีพียูต้องทำงานหนัก เช่น ในการเล่นเกมหรือเรนเดอร์ไฟล์วิดีโอ
  3. Integrated Graphics
    กราฟิกในตัวช่วยประมวลผลภาพโดยไม่ต้องใช้การ์ดจอแยก เช่น Intel Iris Xe ที่เหมาะสำหรับงานกราฟิกพื้นฐานและการเล่นเกมที่ไม่ต้องใช้กราฟิกหนัก
  4. Power Efficiency
    Intel Core Processor ถูกออกแบบให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นสำหรับโน้ตบุ๊ก เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

หลักเกณฑ์ที่ใช้วัดประสิทธิภาพ CPU

การเลือก CPU ไม่ได้ดูแค่ชื่อรุ่นหรือราคาที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบ CPU รุ่นต่าง ๆ มาดูกันว่า ปัจจัยสำคัญในการวัดประสิทธิภาพของ CPU มีอะไรบ้าง

1. จำนวนคอร์ (Cores)

จำนวนคอร์เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดของ CPU

  • คอร์ เปรียบเสมือนหน่วยประมวลผลย่อยใน CPU ซึ่งสามารถทำงานแยกกันได้ เช่น ถ้า CPU มี 4 คอร์ ก็สามารถประมวลผล 4 งานพร้อมกันได้
  • ยิ่งมีคอร์มาก CPU ก็สามารถจัดการงานหลายอย่าง (Multitasking) ได้ดีขึ้น
  • ตัวอย่าง Intel Core i3 มักมี 2-4 คอร์, i5 มี 4-6 คอร์, i7 มี 8-12 คอร์ และ i9 อาจมีมากถึง 16 คอร์

2. จำนวนเธรด (Threads)

เธรดคือเส้นทางสำหรับการประมวลผลภายในคอร์

  • CPU ที่มี Hyper-Threading จะเพิ่มจำนวนเธรดให้มากกว่าคอร์ เช่น CPU ที่มี 4 คอร์ อาจมี 8 เธรด
  • เธรดที่มากขึ้นช่วยให้ CPU ทำงานแบบ Multi-threaded ได้ดีขึ้น เช่น การเรนเดอร์วิดีโอ หรืองานที่ใช้โปรแกรมซับซ้อน
  • ตัวอย่าง Intel Core i7 และ i9 มักมีเธรดมากกว่า i3 และ i5

3. ความเร็วสัญญาณนาฬิกา (Clock Speed)

Clock Speed คือความเร็วในการประมวลผลคำสั่งของ CPU ซึ่งวัดเป็นหน่วย กิกะเฮิรตซ์ (GHz)

  • CPU ที่มี Clock Speed สูงกว่าจะสามารถประมวลผลงานได้เร็วขึ้นในแต่ละวินาที
  • อย่างไรก็ตาม Clock Speed เพียงอย่างเดียวไม่สามารถบอกได้ว่า CPU ดีกว่า ต้องดูปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น สถาปัตยกรรมและจำนวนคอร์
  • ตัวอย่าง CPU รุ่นใหม่ที่มี Clock Speed 3.0 GHz อาจทำงานได้เร็วกว่ารุ่นเก่าที่มี Clock Speed 3.5 GHz เพราะประสิทธิภาพโดยรวมดีกว่า

4. แคช (Cache)

แคชคือหน่วยความจำความเร็วสูงใน CPU ที่ใช้เก็บข้อมูลที่ใช้งานบ่อย

  • แคชช่วยลดเวลาที่ CPU ต้องใช้ในการดึงข้อมูลจาก RAM
  • CPU ที่มีแคชมากกว่าจะสามารถประมวลผลงานที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้น
  • ตัวอย่าง Intel Core i9 มักมีแคชมากกว่า i3 ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

5. สถาปัตยกรรม (Architecture)

สถาปัตยกรรมคือการออกแบบภายในของ CPU

  • CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรมรุ่นใหม่มักมีประสิทธิภาพดีกว่า แม้ว่าจะมีจำนวนคอร์หรือ Clock Speed เท่ากัน
  • สถาปัตยกรรมใหม่ช่วยให้ CPU ประหยัดพลังงานมากขึ้นและทำงานได้เร็วขึ้น
  • ตัวอย่าง CPU รุ่น Intel Core 12th Gen (Alder Lake) ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Hybrid ที่มีทั้งคอร์ประสิทธิภาพสูง (Performance Cores) และคอร์ประหยัดพลังงาน (Efficient Cores)

6. เทคโนโลยี Turbo Boost

Turbo Boost เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความเร็ว Clock Speed แบบอัตโนมัติเมื่อ CPU ต้องทำงานหนัก

  • ตัวอย่าง Intel Core i5 ที่มีความเร็วปกติ 2.5 GHz อาจเพิ่มได้ถึง 4.0 GHz เมื่อใช้งาน Turbo Boost
  • เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ CPU มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในขณะที่ประหยัดพลังงานเมื่อไม่ได้ใช้งานหนัก

7. กราฟิกในตัว (Integrated Graphics)

CPU บางรุ่นมาพร้อมกับกราฟิกในตัว (Integrated Graphics)

  • กราฟิกในตัวช่วยให้ไม่ต้องใช้การ์ดจอแยกสำหรับงานทั่วไป เช่น การดูหนังหรือการเล่นเกมเบา ๆ
  • ตัวอย่าง Intel Iris Xe ใน CPU รุ่นใหม่สามารถรองรับการตัดต่อวิดีโอและการเล่นเกมบางเกมได้โดยไม่ต้องใช้การ์ดจอแยก

8. TDP (Thermal Design Power)

TDP คือค่าที่บอกว่าซีพียูใช้พลังงานเท่าไหร่ในขณะทำงานเต็มที่

  • CPU ที่มี TDP สูงมักต้องการระบบระบายความร้อนที่ดี เช่น พัดลมระบายความร้อนหรือชุดน้ำ
  • อย่างไรก็ตาม TDP ไม่ได้หมายถึงประสิทธิภาพของ CPU โดยตรง แต่เป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับการเลือกอุปกรณ์เสริมที่เหมาะสม

9. การรองรับหน่วยความจำและช่องเชื่อมต่อ

  • การรองรับ RAM CPU รุ่นใหม่มักรองรับ RAM ที่มีความเร็วสูงกว่า เช่น DDR4 หรือ DDR5
  • PCIe Lanes CPU รุ่นสูงมักรองรับ PCIe Lanes มากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการติดตั้งอุปกรณ์เสริมหลายตัว เช่น การ์ดจอและ SSD NVMe

10. การรองรับ AI และ Machine Learning

CPU รุ่นใหม่ เช่น Intel Core 12th Gen หรือ 13th Gen มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยประมวลผลงานด้าน AI

  • ฟีเจอร์เหล่านี้เหมาะสำหรับงานที่ใช้ Machine Learning หรือการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

การวัดประสิทธิภาพ CPU ไม่ได้มีแค่ตัวเลขคอร์หรือ Clock Speed แต่ต้องดูปัจจัยหลายด้านร่วมกัน เช่น สถาปัตยกรรม ความเร็ว แคช และฟีเจอร์พิเศษ เพื่อให้ได้ CPU ที่เหมาะกับงานของคุณที่สุด

ถ้าคุณเน้นงานพื้นฐาน i3 อาจเพียงพอ แต่ถ้าคุณต้องการเล่นเกมหรืองานกราฟิก i5 หรือ i7 จะเหมาะสมกว่า และถ้าคุณเป็นมืออาชีพที่ต้องการพลังประมวลผลขั้นสูง i9 คือคำตอบที่ดีที่สุด!

ข้อดีของ CPU แต่ละรุ่น

Intel Core i3, i5, i7 และ i9 มีความแตกต่างกันในแง่ของประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลาย มาดูข้อดีของแต่ละรุ่น เพื่อช่วยให้คุณเลือกได้เหมาะกับความต้องการของคุณที่สุด

Intel Core i3

Intel Core i3 เป็นโปรเซสเซอร์ระดับเริ่มต้นที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การท่องเว็บ การเล่นวิดีโอ และการทำงานสำนักงาน โปรเซสเซอร์เหล่านี้มักจะมีสองคอร์และสี่เธรด และมีแคชขนาดเล็ก

ข้อดี

  1. ราคาประหยัด
    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด และไม่ต้องการจ่ายแพงเกินไปสำหรับประสิทธิภาพที่ไม่จำเป็น
  2. ประหยัดพลังงาน
    • ใช้พลังงานน้อยกว่า CPU รุ่นที่สูงกว่า ทำให้เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อปที่เน้นการใช้งานทั่วไป
  3. เพียงพอสำหรับงานพื้นฐาน
    • เหมาะสำหรับการทำงานเอกสาร, การท่องเว็บ, ดูหนัง, ฟังเพลง และใช้งานโปรแกรม Office
  4. ความร้อนต่ำ
    • ด้วย TDP ที่ต่ำกว่า i5 หรือ i7 ทำให้เครื่องไม่ร้อนง่ายและไม่ต้องการระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน

เหมาะสำหรับ

  • นักเรียน, ผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้ทำงานหนัก เช่น เล่นเกมเบา ๆ หรือใช้งานมัลติทาสก์เล็กน้อย

Intel Core i5

Intel Core i5 เป็นโปรเซสเซอร์ระดับกลางที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การเล่นเกม การแก้ไขวิดีโอ และการสร้างเนื้อหา โปรเซสเซอร์เหล่านี้มักจะมีสี่คอร์และสี่เธรด และมีแคชขนาดใหญ่กว่า Core i3

ข้อดี

  1. สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ
    • ได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพดีในราคาที่คุ้มค่า เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย
  2. เหมาะกับการเล่นเกมระดับเริ่มต้นถึงกลาง
    • รองรับการเล่นเกมทั่วไป และการใช้งานที่ต้องใช้พลังประมวลผลมากกว่า i3
  3. เทคโนโลยี Turbo Boost
    • ช่วยเร่งความเร็ว Clock Speed อัตโนมัติเมื่อทำงานหนัก เช่น การเล่นเกมหรือการประมวลผลวิดีโอ
  4. การทำงานมัลติทาสก์ที่ดีขึ้น
    • ด้วยจำนวนคอร์และเธรดที่มากขึ้น (มักมี 4-6 คอร์ และ 8-12 เธรด)

เหมาะสำหรับ

  • ผู้ใช้ที่ต้องการคอมพิวเตอร์ที่เร็วขึ้นสำหรับงานและความบันเทิง เช่น เล่นเกม, ตัดต่อรูปภาพเบื้องต้น, หรือใช้งานมัลติทาสก์

Intel Core i7

Intel Core i7 เป็นโปรเซสเซอร์ระดับไฮเอนด์ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การเล่นเกมระดับสูง การแก้ไขวิดีโอระดับมืออาชีพ และการสร้างเนื้อหาระดับมืออาชีพ โปรเซสเซอร์เหล่านี้มักจะมีสี่คอร์หรือมากกว่า และมีแคชขนาดใหญ่

ข้อดี

  1. ประสิทธิภาพสูงสำหรับงานหนัก
    • เหมาะสำหรับการตัดต่อวิดีโอ, การเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกสูง และการทำงานด้านกราฟิกหรือคำนวณข้อมูลที่ซับซ้อน
  2. รองรับ Hyper-Threading
    • ช่วยเพิ่มจำนวนเธรด ทำให้ประมวลผลงานที่ต้องการหลายขั้นตอนได้รวดเร็วขึ้น
  3. เหมาะสำหรับ Content Creator
    • สามารถเรนเดอร์วิดีโอ, แก้ไขภาพ หรือทำงานด้าน 3D Animation ได้อย่างลื่นไหล
  4. รองรับ RAM ความเร็วสูง
    • รองรับการเชื่อมต่อกับ RAM และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีความเร็วสูงกว่า i3 และ i5
  5. เล่นเกมระดับสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
    • รองรับการเล่นเกม AAA ที่ใช้กราฟิกหนัก พร้อมอัตราเฟรมที่ดี

เหมาะสำหรับ

  • Content Creator, Streamer, และผู้เล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการใช้งานหลากหลาย

Intel Core i9

Intel Core i9 เป็นโปรเซสเซอร์ระดับสูงสุดที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การเล่นเกมระดับสูง การแก้ไขวิดีโอระดับมืออาชีพ และการสร้างเนื้อหาระดับมืออาชีพ โปรเซสเซอร์เหล่านี้มักจะมีแปดคอร์หรือมากกว่า และมีแคชขนาดใหญ่

ข้อดี

  1. ประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด
    • มีจำนวนคอร์และเธรดมากที่สุด (สูงสุดถึง 16 คอร์ และ 32 เธรดในรุ่นล่าสุด) เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการประมวลผลหนัก ๆ
  2. รองรับงานระดับมืออาชีพ
    • เช่น การเรนเดอร์ 3D, การสร้างโมเดล AI, การพัฒนาซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ หรือการทำงานด้านวิศวกรรม
  3. เทคโนโลยี Turbo Boost Max
    • เพิ่มความเร็ว Clock Speed ให้สูงสุดในขณะทำงานหนัก เช่น การเล่นเกม 4K หรือการตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ
  4. ความสามารถในการทำงานแบบ Multi-threaded สูงสุด
    • ทำให้สามารถประมวลผลหลายงานพร้อมกันได้เร็วกว่า CPU รุ่นอื่น ๆ
  5. เหมาะกับการเล่นเกมระดับ 4K
    • รองรับการเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในตลาด พร้อมกราฟิกที่ลื่นไหล

เหมาะสำหรับ

  • นักวิจัย, วิศวกร, Content Creator ระดับมืออาชีพ และเกมเมอร์ที่ต้องการเครื่องที่ดีที่สุดในตลาด

เปรียบเทียบภาพรวม

รุ่นจุดเด่นหลักการใช้งานที่เหมาะสม
Intel Core i3ราคาประหยัด, ใช้งานทั่วไปงานพื้นฐาน, ท่องเว็บ, เอกสาร, ดูหนัง
Intel Core i5คุ้มค่ากับราคา, เล่นเกมได้เล่นเกมเบา ๆ, ใช้งานมัลติทาสก์, งานทั่วไป
Intel Core i7ประสิทธิภาพสูง, รองรับงานหนักตัดต่อวิดีโอ, เล่นเกม AAA, สตรีมมิ่ง
Intel Core i9พลังประมวลผลสูงสุด, มืออาชีพงานวิศวกรรม, เรนเดอร์ 3D, เกม 4K

การเลือก CPU ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณ หากใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกมเบา ๆ Intel Core i3 หรือ i5 อาจเหมาะสม แต่ถ้าต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้นสำหรับงานที่ซับซ้อน เช่น การตัดต่อหรือเล่นเกมหนัก ๆ i7 หรือ i9 คือตัวเลือกที่ดีที่สุด เลือกให้เหมาะสมเพื่อให้คุณได้ประสบการณ์การใช้งานที่ตอบโจทย์ที่สุด!

เลือกใช้งานรุ่นไหนดี?

1. การใช้งานทั่วไป

ถ้าคุณต้องการคอมพิวเตอร์สำหรับการใช้งานเบา ๆ เช่น ท่องเว็บ ใช้ Microsoft Office หรือดู Netflix รุ่น i3 จะเพียงพอและคุ้มค่าที่สุด

2. การเล่นเกม

สำหรับเกมเมอร์มือใหม่หรือผู้ที่เล่นเกมที่ไม่ได้ใช้กราฟิกหนักมาก i5 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ แต่ถ้าคุณเล่นเกม AAA หรือใช้การ์ดจอแยก การขยับไปใช้ i7 จะตอบโจทย์มากกว่า

3. การตัดต่อวิดีโอหรืองานกราฟิก

ถ้าคุณเป็น Creator ที่ต้องตัดต่อวิดีโอหรือทำงานกราฟิกหนัก ๆ i7 หรือ i9 จะช่วยให้คุณทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพสูง

4. มืออาชีพที่ต้องการพลังประมวลผลสูง

งานวิศวกรรม, การพัฒนา AI หรือการเรนเดอร์ 3D ต้องใช้พลังการประมวลผลที่สูงมาก i9 คือคำตอบสำหรับคุณ

เลือก CPU ยังไงดี

การเลือก CPU ไม่ได้มีคำตอบตายตัว ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการของคุณ ถ้าคุณใช้คอมพิวเตอร์แค่สำหรับงานทั่วไป การเลือก i3 หรือ i5 อาจเพียงพอ แต่ถ้าคุณต้องการประสิทธิภาพสูงสำหรับงานเฉพาะทาง การขยับไปใช้ i7 หรือ i9 อาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

สิ่งสำคัญคือ อย่าซื้อ CPU ที่เกินความจำเป็น เพราะบางครั้งคุณอาจจ่ายแพงเกินไปสำหรับฟีเจอร์ที่ไม่ได้ใช้ ในขณะเดียวกัน การลงทุนในรุ่นที่สูงกว่าก็อาจช่วยให้คอมพิวเตอร์ของคุณใช้งานได้ยาวนานและตอบโจทย์มากกว่า

ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหน อย่าลังเลที่จะถามผู้เชี่ยวชาญหรือดูรีวิวออนไลน์เพิ่มเติม รับรองว่าคุณจะได้ CPU ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณแน่นอน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *