DLSS คืออะไร
DLSS (Deep Learning Super Sampling) เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดย NVIDIA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟิกในเกม โดยใช้การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) และ AI ช่วยสร้างภาพที่มีคุณภาพสูงใกล้เคียงความละเอียดดั้งเดิม ขณะเดียวกันก็ลดภาระการประมวลผลกราฟิกลง
DLSS ทำงานโดยการเรนเดอร์ภาพที่ความละเอียดต่ำกว่าเป้าหมายจริง (เช่น เรนเดอร์ที่ 1080p แล้วขยายให้ดูเหมือน 4K) แล้วใช้ AI เพื่อปรับปรุงรายละเอียดภาพให้สมจริงมากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มเฟรมเรต (FPS) ในเกม และลดความต้องการพลังการประมวลผลจาก GPU
หลักการทำงานของ DLSS
DLSS (Deep Learning Super Sampling) เป็นเทคโนโลยีที่ NVIDIA พัฒนาขึ้นมาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพการแสดงผลในเกมโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning ช่วยในการสร้างภาพความละเอียดสูงที่คมชัดจากภาพความละเอียดต่ำ บทความนี้จะอธิบายเชิงลึกถึงการทำงานของ DLSS รวมถึงเทคโนโลยีและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง
1. เรนเดอร์ภาพที่ความละเอียดต่ำกว่าเป้าหมาย
ขั้นตอนแรกของ DLSS คือการเรนเดอร์ภาพที่ความละเอียดต่ำกว่าเป้าหมายจริง เช่น แทนที่จะเรนเดอร์ภาพที่ 4K (3840×2160 พิกเซล) GPU จะเรนเดอร์ที่ 1080p (1920×1080 พิกเซล) ซึ่งช่วยลดภาระการประมวลผลของ GPU ลงอย่างมาก ทำให้เฟรมเรต (FPS) สูงขึ้น ขณะเดียวกัน AI จะรับหน้าที่ปรับปรุงคุณภาพของภาพให้กลับมาคล้ายกับภาพที่เรนเดอร์ด้วยความละเอียดเต็ม
2. การประมวลผลภาพด้วย AI และ Machine Learning
2.1 การฝึก AI บนข้อมูลมหาศาล
DLSS ใช้โมเดล Machine Learning ที่ NVIDIA ฝึกมาโดยใช้ข้อมูลจากเกมหลายพันเกมในความละเอียดต่าง ๆ โมเดลนี้จะเรียนรู้ลักษณะของรายละเอียดในภาพความละเอียดสูง และใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการคาดการณ์และสร้างภาพที่คมชัดขึ้นจากภาพความละเอียดต่ำ
2.2 Tensor Cores
Tensor Cores ในการ์ดจอ NVIDIA RTX เป็นฮาร์ดแวร์เฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI และ Deep Learning โดยตรง Tensor Cores สามารถทำการคำนวณแบบ Matrix Multiplication ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการคำนวณ AI ช่วยลดเวลาและทรัพยากรที่ต้องใช้ในกระบวนการ DLSS
3. การสร้างภาพที่มีรายละเอียดสูง
หลังจากที่ภาพถูกเรนเดอร์ในความละเอียดต่ำ AI จะใช้ข้อมูลอ้างอิงจากภาพที่เรนเดอร์ก่อนหน้าและข้อมูลจากโมเดลที่ได้รับการฝึกมาเพื่อ
- สร้างรายละเอียดใหม่ เติมเต็มส่วนที่สูญเสียไปในภาพความละเอียดต่ำ เช่น รายละเอียดของพื้นผิว (Textures) และแสงเงา (Lighting)
- ลดขอบหยัก (Aliasing) AI ช่วยทำให้ขอบของวัตถุในเกมเรียบเนียนมากขึ้น โดยใช้เทคนิคการคาดการณ์ตำแหน่งของพิกเซลที่ถูกต้อง
- เพิ่มความคมชัด AI จะปรับปรุงความคมชัดโดยรวม ทำให้ภาพดูใกล้เคียงกับความละเอียดดั้งเดิม
4. การทำงานแบบเรียลไทม์
DLSS ทำงานในลักษณะเรียลไทม์ระหว่างการเล่นเกม ซึ่ง AI จะประมวลผลเฟรมแต่ละเฟรมในเวลาสั้น ๆ และส่งกลับไปยัง GPU เพื่อให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์ที่ลื่นไหลและมีภาพที่สวยงามในทันที
5. การสร้างเฟรมเพิ่มเติม (เฉพาะ DLSS 3.0 ขึ้นไป)
DLSS 3.0 แนะนำฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Frame Generation ซึ่งเป็นการสร้างเฟรมใหม่โดยใช้ข้อมูลจากเฟรมที่มีอยู่แล้ว
- AI จะคาดการณ์การเคลื่อนไหว (Motion Vector) ของวัตถุในเฟรมก่อนหน้าและเฟรมถัดไป เพื่อสร้างเฟรมใหม่ระหว่างเฟรมเหล่านี้
- ทำให้เฟรมเรตเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดโดยไม่เพิ่มภาระการประมวลผลของ CPU หรือ GPU มากเกินไป
- ตัวอย่างเช่น หากเกมเรนเดอร์ได้ 60 FPS, Frame Generation สามารถเพิ่ม FPS เป็น 90-120 FPS โดยการสร้างเฟรมเสริม
6. การเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีอื่น ๆ
DLSS ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีกราฟิกอื่น ๆ เช่น
- Ray Tracing ช่วยปรับปรุงภาพที่ได้จาก Ray Tracing ซึ่งใช้ทรัพยากร GPU สูง โดยให้ DLSS ช่วยเพิ่ม FPS
- Variable Rate Shading (VRS) เพิ่มประสิทธิภาพโดยให้ DLSS เรนเดอร์เฉพาะพื้นที่ที่ต้องการความละเอียดสูง
สรุปกระบวนการทำงานของ DLSS
- เรนเดอร์ภาพที่ความละเอียดต่ำ
- ใช้ AI และ Tensor Cores ประมวลผลภาพ
- สร้างภาพที่มีรายละเอียดสูงและลดขอบหยัก
- ทำงานแบบเรียลไทม์
- เพิ่มเฟรมเรตด้วยการสร้างเฟรมใหม่ (เฉพาะ DLSS 3.0 ขึ้นไป)
DLSS ต่างจาก Ray Tracing อย่างไร
DLSS (Deep Learning Super Sampling) และ Ray Tracing เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดย NVIDIA ซึ่งต่างก็ช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกม แต่ทำงานในจุดประสงค์ที่ต่างกันอย่างชัดเจน โดย DLSS เน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพและ Ray Tracing เน้นความสมจริงของภาพ เรามาเจาะลึกทั้งสองเทคโนโลยีในรายละเอียดเพิ่มเติม
DLSS (Deep Learning Super Sampling) การเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI
- เน้นเพิ่ม FPS และลดภาระการประมวลผล
DLSS ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้เกมลื่นไหลขึ้น โดยเฉพาะในความละเอียดสูง (เช่น 4K) โดยลดความละเอียดของภาพที่เรนเดอร์จริง แล้วใช้ AI มาสร้างรายละเอียดของภาพให้คมชัดขึ้น- ตัวอย่างเช่น หากเกมเรนเดอร์ที่ 1080p (Full HD) DLSS จะใช้ AI เติมเต็มรายละเอียดและขยายภาพให้ดูเหมือน 4K โดยลดการประมวลผลที่จำเป็น
- การใช้ Tensor Cores
- Tensor Cores ในการ์ดจอซีรีส์ RTX ของ NVIDIA ถูกออกแบบมาสำหรับงานประมวลผล AI โดยเฉพาะ ช่วยให้การประมวลผลภาพทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- AI ที่ใช้ใน DLSS ถูกฝึกมาจากเกมหลายพันเกมบนความละเอียดต่าง ๆ เพื่อคาดการณ์และสร้างภาพที่คมชัด
- ช่วยเพิ่ม FPS ในเกม
- DLSS ทำให้เกมที่มีความต้องการทรัพยากรสูงเล่นได้ลื่นไหลขึ้น โดยเฉพาะเกมที่รองรับ Ray Tracing ซึ่งมักทำให้ FPS ลดลง
- ผู้เล่นสามารถเล่นเกมในโหมดคุณภาพสูงสุด พร้อมได้ FPS ที่สูงขึ้นกว่าการเรนเดอร์แบบปกติ
Ray Tracing การสร้างภาพสมจริงด้วยการจำลองแสง
- เทคโนโลยีการจำลองแสงขั้นสูง
Ray Tracing จำลองพฤติกรรมของแสงในโลกจริงในเกม โดยติดตามเส้นทางของแสง (Ray) จากแหล่งกำเนิดไปยังวัตถุในฉาก และสะท้อนหรือหักเหตามคุณสมบัติของวัตถุ- ตัวอย่างเช่น แสงสะท้อนบนพื้นน้ำหรือกระจก, การหักเหของแสงผ่านแก้ว หรือแสงที่ตกกระทบและสะท้อนบนวัตถุต่าง ๆ ในฉาก
- สร้างเงาและแสงที่สมจริง
- Reflection แสดงการสะท้อนของวัตถุ เช่น เงาบนกระจก
- Refraction การหักเหของแสงผ่านวัตถุโปร่งแสง เช่น น้ำหรือแก้ว
- Global Illumination การกระจายแสงที่สมจริงในฉาก เช่น แสงที่สะท้อนจากพื้นผิวหนึ่งไปยังอีกพื้นผิวหนึ่ง
- Shadows เงาที่นุ่มนวลและเปลี่ยนตามตำแหน่งแหล่งกำเนิดแสง
- ใช้ทรัพยากร GPU มาก
- เนื่องจากต้องคำนวณแสงหลายล้านเส้นในแต่ละเฟรม Ray Tracing ใช้พลังการประมวลผลของ GPU อย่างหนัก ส่งผลให้ FPS ลดลงในเกมที่ใช้ Ray Tracing
ตารางเปรียบเทียบ DLSS และ Ray Tracing
เทคโนโลยี | DLSS | Ray Tracing |
จุดมุ่งเน้น | เพิ่มประสิทธิภาพ FPS และปรับปรุงคุณภาพภาพ | สร้างภาพสมจริงด้วยการจำลองแสงและเงา |
หลักการทำงาน | ใช้ AI และ Tensor Cores สร้างภาพความละเอียดสูงจากความละเอียดต่ำ | ใช้ RT Cores คำนวณพฤติกรรมของแสงในฉากจริงแบบเรียลไทม์ |
ผลกระทบต่อ FPS | ช่วยเพิ่ม FPS | ลด FPS เนื่องจากใช้ทรัพยากรมาก |
จุดประสงค์ | ทำให้เกมลื่นไหลแม้ในความละเอียดสูง | สร้างภาพที่สมจริงที่สุด |
การใช้ฮาร์ดแวร์ | Tensor Cores | RT Cores |
การใช้งานร่วมกัน
แม้ DLSS และ Ray Tracing จะมีวัตถุประสงค์ต่างกัน แต่ทั้งสองเทคโนโลยีมักถูกใช้งานร่วมกันในเกม
- DLSS + Ray Tracing
เกมที่เปิดใช้ Ray Tracing มักลด FPS อย่างเห็นได้ชัด แต่ DLSS สามารถช่วยเพิ่ม FPS ให้สูงขึ้นโดยลดภาระการประมวลผลของ GPU- ตัวอย่างเช่น เกม Cyberpunk 2077 และ Control ใช้ DLSS เพื่อรักษาประสิทธิภาพเกมแม้เปิดใช้งาน Ray Tracing
ข้อสรุป
- DLSS เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความลื่นไหลและประสิทธิภาพของเกม โดยเหมาะสำหรับการเล่นในความละเอียดสูงโดยไม่ต้องใช้พลัง GPU มาก
- Ray Tracing ช่วยยกระดับความสมจริงของภาพในเกม โดยสร้างแสง เงา และการสะท้อนที่เหมือนจริง แต่ต้องแลกกับการใช้ทรัพยากร GPU มาก
- การใช้ DLSS ช่วยลดข้อเสียของ Ray Tracing ทำให้สามารถเล่นเกมที่ภาพสมจริงได้ โดยยังคงเฟรมเรตในระดับที่ยอมรับได้
DLSS มีกี่เวอร์ชั่น
จนถึงปัจจุบัน DLSS (Deep Learning Super Sampling) มีทั้งหมด 3 เวอร์ชั่นหลัก โดยในแต่ละเวอร์ชั่นมีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มคุณภาพของภาพและประสิทธิภาพการประมวลผลในเกม เราจะขยายความเกี่ยวกับแต่ละเวอร์ชั่นอย่างละเอียดดังนี้
1. DLSS 1.0 จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี (เปิดตัวในปี 2018)
ลักษณะสำคัญ
- เป็นเวอร์ชั่นแรกที่ NVIDIA เปิดตัวในปี 2018 พร้อมกับการ์ดจอ RTX 20 Series (Turing Architecture)
- ใช้ AI ในการเพิ่มความละเอียดภาพ โดยทำการเรนเดอร์ภาพที่ความละเอียดต่ำแล้วใช้ Tensor Cores สร้างภาพที่มีความละเอียดสูงขึ้น
ข้อจำกัด
- คุณภาพของภาพ
- ภาพที่ได้ยังไม่สมบูรณ์แบบ มีปัญหาเรื่อง ความเบลอ (Blur) และขาดความคมชัดในรายละเอียด เช่น พื้นผิวของวัตถุ หรือการแสดงผลของตัวอักษรในบางสถานการณ์
- ภาพอาจมีลักษณะ “ไม่เป็นธรรมชาติ” เนื่องจากโมเดล AI ในยุคนั้นยังไม่แม่นยำพอ
- การรองรับเกม
- มีความยืดหยุ่นต่ำ รองรับเพียงเกมบางเกมที่ได้รับการออกแบบให้รองรับ DLSS 1.0 โดยเฉพาะ
- การตั้งค่าและการใช้งานมีความซับซ้อนสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
ประสิทธิภาพ
- แม้ช่วยเพิ่ม FPS ได้ แต่การประมวลผลยังไม่ลื่นไหลในบางสถานการณ์ และอาจทำให้ภาพแตกต่างจากความละเอียดดั้งเดิมมาก
2. DLSS 2.0 การพัฒนาครั้งสำคัญ (เปิดตัวในปี 2020)
การปรับปรุงจาก DLSS 1.0
- NVIDIA ปรับปรุงโมเดล Machine Learning และอัลกอริทึม AI ให้แม่นยำและทรงพลังยิ่งขึ้น ทำให้คุณภาพของภาพสูงขึ้นอย่างชัดเจน
- เพิ่มความสามารถในการรองรับเกมได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ต้องปรับแต่งเฉพาะเกมเหมือนในเวอร์ชั่นก่อน
ลักษณะสำคัญ
- คุณภาพภาพสมจริงขึ้น
- ภาพที่ได้จาก DLSS 2.0 ใกล้เคียงกับความละเอียดดั้งเดิม (Native Resolution) มากกว่าเวอร์ชั่นแรก
- ลดปัญหาเรื่องความเบลอ และเพิ่มความคมชัดในรายละเอียด เช่น พื้นผิวของตัวละคร วัตถุ และตัวอักษร
- การปรับปรุง FPS
- เพิ่มเฟรมเรต (FPS) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังคงรักษาคุณภาพภาพที่ดีไว้
- โหมดคุณภาพหลากหลาย
- DLSS 2.0 มีโหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ เช่น “Quality,” “Balanced,” และ “Performance” ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ปรับสมดุลระหว่างคุณภาพภาพและ FPS ได้ตามต้องการ
การรองรับและความยืดหยุ่น
- ใช้โมเดล AI เดียวกันได้กับหลายเกม โดยไม่ต้องสร้างโมเดล AI แยกเฉพาะเกม
- รองรับเกมที่หลากหลายยิ่งขึ้น เช่น Cyberpunk 2077, Control, และ Death Stranding
3. DLSS 3.0 การปฏิวัติเทคโนโลยี (เปิดตัวในปี 2022)
ฟีเจอร์ใหม่ Frame Generation
- DLSS 3.0 เพิ่มฟีเจอร์ Frame Generation ที่สามารถสร้างเฟรมใหม่ขึ้นมาระหว่างเฟรมที่เรนเดอร์จริง
- การทำงาน
AI จะใช้ข้อมูลจากเฟรมก่อนหน้าและเฟรมถัดไปเพื่อสร้างเฟรมเสริมระหว่างสองเฟรม ช่วยให้ภาพดูต่อเนื่องและลื่นไหลยิ่งขึ้น- ตัวอย่างเช่น หากเรนเดอร์ได้ 60 FPS Frame Generation สามารถเพิ่มเป็น 90-120 FPS ได้
- ช่วยเพิ่ม FPS แบบก้าวกระโดดโดยไม่เพิ่มภาระการประมวลผลบน CPU หรือ GPU มากนัก
- การทำงาน
การปรับปรุงคุณภาพภาพ
- ภาพที่สร้างโดย DLSS 3.0 มีความคมชัดและสมจริงยิ่งขึ้น ด้วยการคำนวณการเคลื่อนไหว (Motion Vector) และการคาดการณ์ตำแหน่งพิกเซลที่แม่นยำ
การรองรับฮาร์ดแวร์
- DLSS 3.0 ใช้ประโยชน์จาก 4th Gen Tensor Cores และ Optical Flow Accelerator บนการ์ดจอ NVIDIA RTX 40 Series (Ada Lovelace Architecture)
- รองรับเฉพาะการ์ดจอ RTX 40 Series เท่านั้น เนื่องจากต้องใช้ฮาร์ดแวร์ใหม่ในการสร้างเฟรมเสริม
ข้อจำกัด
- DLSS 3.0 รองรับเฉพาะเกมที่อัปเดตเพื่อรองรับ Frame Generation เท่านั้น (เช่น Cyberpunk 2077, Plague Tale Requiem)
ตารางเปรียบเทียบ DLSS ทั้ง 3 เวอร์ชั่น
คุณสมบัติ | DLSS 1.0 | DLSS 2.0 | DLSS 3.0 |
ปีที่เปิดตัว | 2018 | 2020 | 2022 |
คุณภาพภาพ | ขาดความคมชัด, เบลอ | ใกล้เคียง Native Resolution | คมชัดและสมจริงยิ่งขึ้น |
การปรับปรุง FPS | ปานกลาง | สูง | สูงมาก (เพิ่มด้วย Frame Generation) |
ฟีเจอร์พิเศษ | ไม่มี | โหมดคุณภาพหลากหลาย | Frame Generation |
การรองรับฮาร์ดแวร์ | RTX 20 Series ขึ้นไป | RTX 20 Series ขึ้นไป | RTX 40 Series เท่านั้น |
การรองรับเกม | เกมที่พัฒนาเฉพาะ | เกมหลากหลาย | เกมที่ปรับให้รองรับเฉพาะ |
DLSS ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจากเวอร์ชั่นแรกจนถึงปัจจุบัน (DLSS 3.0) โดยแต่ละเวอร์ชั่นมีการปรับปรุงให้ตอบโจทย์ผู้เล่นเกมมากขึ้น ทั้งในเรื่องคุณภาพภาพและประสิทธิภาพในการประมวลผล สำหรับอนาคต DLSS ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการเพิ่ม FPS และคุณภาพภาพในเกม โดยเฉพาะในยุคที่ความละเอียดสูงและ Ray Tracing กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของกราฟิกเกม
ข้อดี – ข้อเสีย ของ DLSS
DLSS (Deep Learning Super Sampling) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมอย่างมาก โดยเฉพาะในเกมที่ต้องการทรัพยากรสูง เช่น เกมที่มีความละเอียด 4K หรือเกมที่ใช้ Ray Tracing อย่างไรก็ตาม DLSS ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ต้องพิจารณา ด้านล่างนี้คือการขยายความข้อดีและข้อเสียของ DLSS อย่างละเอียด
ข้อดีของ DLSS
1. เพิ่ม FPS ทำให้เกมลื่นไหลมากขึ้น
- DLSS ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม โดยการเรนเดอร์ภาพที่ความละเอียดต่ำกว่าความละเอียดเป้าหมาย แล้วใช้ AI สร้างภาพที่คมชัดขึ้น
- ตัวอย่างเช่น หากเกมเรนเดอร์ภาพที่ 1080p แล้วใช้ DLSS เพื่อสร้างภาพที่ดูเหมือน 4K ผู้เล่นจะได้รับ FPS ที่สูงขึ้นในขณะที่ยังได้คุณภาพภาพที่ดี
- เหมาะสำหรับการเล่นเกมในความละเอียดสูง เช่น 4K หรือ 8K โดยไม่ต้องใช้การ์ดจอระดับสูงสุด
2. ลดภาระการทำงานของ GPU
- DLSS ช่วยให้เกมสามารถเล่นได้ลื่นไหลบนการ์ดจอ RTX ระดับกลาง เช่น RTX 3050 หรือ RTX 3060 โดยไม่ต้องใช้รุ่นสูงอย่าง RTX 3080 หรือ RTX 4090
- การลดภาระ GPU ยังช่วยให้การทำงานของระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความร้อน และประหยัดพลังงาน
3. คุณภาพภาพที่ใกล้เคียงความละเอียดจริง
- AI ของ DLSS ช่วยสร้างรายละเอียดภาพเพิ่มเติม เช่น การลดขอบหยัก (Aliasing) และการเติมพื้นผิว (Texture) ให้สมจริง
- คุณภาพของภาพที่ได้มักใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับภาพที่เรนเดอร์ด้วยความละเอียดเต็ม (Native Resolution) โดยไม่ต้องเสียทรัพยากรมาก
4. ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
- NVIDIA พัฒนา DLSS อย่างต่อเนื่อง
- DLSS 1.0 เริ่มต้นด้วยข้อจำกัดเรื่องความคมชัด
- DLSS 2.0 แก้ไขปัญหาคุณภาพภาพ และรองรับเกมหลากหลายขึ้น
- DLSS 3.0 เพิ่มฟีเจอร์ Frame Generation ทำให้ FPS สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
- การพัฒนานี้ช่วยให้เกมใหม่ ๆ รองรับ DLSS และผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น
ข้อเสียของ DLSS
1. รองรับเฉพาะการ์ดจอ NVIDIA RTX
- ข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์
- DLSS ต้องใช้ Tensor Cores ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์เฉพาะในการ์ดจอ NVIDIA RTX (ตั้งแต่ RTX 20 Series เป็นต้นไป)
- ผู้ที่ใช้การ์ดจอ NVIDIA GTX หรือแบรนด์อื่น เช่น AMD หรือ Intel ไม่สามารถใช้ DLSS ได้
- สำหรับ DLSS 3.0 ต้องใช้การ์ดจอ RTX 40 Series เท่านั้น (Ada Lovelace Architecture) ซึ่งยิ่งจำกัดการเข้าถึงของผู้ใช้
2. ขึ้นอยู่กับการรองรับของเกม
- DLSS ไม่สามารถใช้งานได้ในทุกเกม เกมจะต้องได้รับการอัปเดตหรือพัฒนาให้รองรับ DLSS โดยเฉพาะ
- ในบางกรณี เกมที่ไม่รองรับ DLSS อาจต้องพึ่งการตั้งค่ากราฟิกปกติ หรือเทคโนโลยีอื่น เช่น FSR (FidelityFX Super Resolution) จาก AMD
3. ปัญหาคุณภาพในบางกรณี
- แม้ DLSS 2.0 และ 3.0 จะปรับปรุงคุณภาพภาพได้ดีขึ้น แต่บางครั้งอาจพบปัญหาต่อไปนี้
- การเบลอของภาพ ในบางเกมหรือบางสถานการณ์ เช่น วัตถุเคลื่อนไหวเร็ว
- การแสดงผลไม่เหมาะสม เช่น ขอบหยักที่ยังคงปรากฏในบางฉาก หรือรายละเอียดที่ AI สร้างไม่สมจริง
- ตัวอย่างเช่น ใน DLSS 1.0 พบปัญหาภาพเบลอและขาดรายละเอียดมากในบางเกม
เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี | ข้อเสีย |
เพิ่ม FPS ทำให้เกมลื่นไหลขึ้น แม้ในความละเอียดสูง | รองรับเฉพาะการ์ดจอ NVIDIA RTX ที่มี Tensor Cores |
ลดภาระการทำงานของ GPU ช่วยให้การ์ดจอระดับกลางสามารถเล่นเกมที่ความละเอียดสูงได้ดีขึ้น | เกมต้องได้รับการพัฒนาให้รองรับ DLSS ไม่สามารถใช้ได้กับทุกเกม |
คุณภาพภาพใกล้เคียงกับความละเอียดดั้งเดิม ช่วยเพิ่มความคมชัดและลดขอบหยัก | บางครั้งอาจพบปัญหาความเบลอหรือการแสดงผลที่ไม่สมบูรณ์ในบางเกมหรือบางฉาก |
NVIDIA พัฒนาฟีเจอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเข้ากันได้กับเกมต่าง ๆ | DLSS 3.0 รองรับเฉพาะ RTX 40 Series ทำให้ผู้ใช้ RTX รุ่นเก่าไม่สามารถใช้งาน Frame Generation ได้ |
ตัวอย่างการใช้งานจริง
- ในเกมที่เปิดใช้งาน Ray Tracing เช่น Cyberpunk 2077
- Ray Tracing ทำให้ FPS ลดลงอย่างมาก แต่เมื่อเปิด DLSS ช่วยเพิ่ม FPS ได้ถึง 50%-100% โดยยังคงคุณภาพภาพที่สูง
- เกมใหม่ที่รองรับ DLSS 3.0 เช่น Plague Tale Requiem
- DLSS 3.0 ช่วยเพิ่ม FPS ได้แบบก้าวกระโดดด้วยฟีเจอร์ Frame Generation ทำให้เล่นเกมในความละเอียดสูงได้ลื่นไหล แม้ใช้การตั้งค่ากราฟิกสูงสุด
สรุปข้อดีข้อเสียของ DLSS
DLSS เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการแสดงผลในเกมได้อย่างยอดเยี่ยม แต่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์และความเข้ากันได้กับเกม ซึ่งผู้ใช้งานควรตรวจสอบว่าการ์ดจอและเกมที่เล่นรองรับ DLSS หรือไม่ และควรเลือกเปิดใช้งาน DLSS เพื่อเพิ่ม FPS และคุณภาพภาพในเกมที่รองรับอย่างเหมาะสม
สรุป
DLSS เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อการเล่นเกมในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การเล่นเกมที่ลื่นไหลและคุณภาพภาพที่ดี โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ที่ทรงพลังเกินไป อย่างไรก็ตาม การใช้งาน DLSS ยังมีข้อจำกัดในเรื่องการรองรับฮาร์ดแวร์และเกม
เลือกซื้อการ์ดจอ ที่มี DLSS ได้ที่นี่