หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับระบบซับไตเติ้ลอัตโนมัติ แต่ล่าสุด YouTube มาเหนือกว่าเดิมด้วยการเปิดตัวระบบเสียงพากย์อัตโนมัติ Auto Dubbing ในภาษาอื่น ๆ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์ม โดยฟีเจอร์นี้มุ่งเน้นให้การเข้าถึงเนื้อหาทั่วโลกเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น ผ่านการเพิ่มเสียงพากย์ที่แปลจากวิดีโอต้นฉบับไปยังภาษาต่าง ๆ เพื่อผู้ชมจากหลากหลายประเทศ
ปัจจุบัน ฟีเจอร์นี้ได้เริ่มต้นใช้งานในช่องที่เน้นให้ความรู้หรือข้อมูลข่าวสาร และที่สำคัญคือช่องเหล่านั้นต้องเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมพาร์ทเนอร์ (YouTube Partner Program – YPP) การเปิดตัวฟีเจอร์ดังกล่าวถือเป็นการเสริมสร้างโอกาสให้ครีเอเตอร์สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมใหม่ ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยกระดับประสบการณ์การรับชมให้มีคุณภาพมากขึ้น
ฟีเจอร์เสียงพากย์อัตโนมัตินี้ช่วยให้ผู้ชมจากหลากหลายประเทศสามารถเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น แม้จะไม่ได้พูดภาษาเดียวกับวิดีโอต้นฉบับ โดยการทำงานของระบบนี้เริ่มจากการถอดเสียงจากวิดีโอ ตีความและแปลเนื้อหาเป็นภาษาเป้าหมาย จากนั้นจึงสร้างเสียงพากย์ที่สอดคล้องกับบริบทและความหมายของเนื้อหาให้ผู้ชมสามารถเลือกฟังได้ตามความต้องการ
การใช้งานสำหรับผู้ชม
- หากวิดีโอมีเสียงพากย์อัตโนมัติ ผู้ชมจะเห็นป้าย “auto-dubbed” ชัดเจน
- ผู้ชมสามารถเปลี่ยนเสียงพากย์ได้โดยเข้าไปที่ Setting > Audio > ภาษาที่ต้องการ
- เลือกเสียงพากย์ที่ต้องการรับชมได้ทันที เพื่อให้การรับชมตรงตามภาษาที่เข้าใจ
การใช้งานสำหรับครีเอเตอร์
- เมื่ออัปโหลดวิดีโอใหม่ YouTube จะตรวจจับภาษาอัตโนมัติ และเริ่มกระบวนการสร้างเสียงพากย์ทันที
- ครีเอเตอร์สามารถเข้าไปจัดการเสียงพากย์ได้ในส่วน ภาษา บน YouTube Studio ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจสอบคุณภาพของเสียงพากย์
- หากเสียงพากย์ที่สร้างขึ้นไม่เป็นที่พอใจ ครีเอเตอร์สามารถเลือกที่จะลบเสียงพากย์ออกได้อย่างง่ายดาย
ภาษาที่รองรับ
- สำหรับวิดีโอที่สร้างขึ้นในภาษาอังกฤษ YouTube สามารถเพิ่มเสียงพากย์อัตโนมัติได้ใน 8 ภาษา ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฮินดี อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น โปรตุเกส และสเปน
- สำหรับวิดีโอที่เป็น 1 ใน 8 ภาษาเหล่านี้ ระบบจะเพิ่มเสียงพากย์อัตโนมัติใน ภาษาอังกฤษ เพื่อการเข้าถึงของผู้ชมในตลาดที่กว้างขึ้น
ฟีเจอร์ใหม่นี้นับเป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับทั้งครีเอเตอร์และผู้ชม YouTube โดยช่วยลดอุปสรรคด้านภาษาและขยายขอบเขตการรับชมเนื้อหาไปทั่วโลก ฟีเจอร์นี้ยังช่วยส่งเสริมให้ครีเอเตอร์มีโอกาสขยายฐานผู้ชมในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งพัฒนาประสบการณ์การรับชมให้ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ในทุกมุมโลก