การ์ดจอ คืออะไร ?
ความสำคัญของการ์ดจอสำหรับการเล่นเกมและงานกราฟิก
การ์ดจอ (GPU – Graphics Processing Unit) เป็นอุปกรณ์สำคัญในการประมวลผลภาพและกราฟิก มีบทบาทหลักในการสร้างภาพที่สมจริงและลื่นไหล โดยเฉพาะสำหรับเกม งานกราฟิก และการตัดต่อวิดีโอ หากไม่มีการ์ดจอที่ดี คุณอาจพบปัญหาภาพกระตุก หรือคุณภาพของภาพที่ต่ำ
บทบาทของ NVIDIA ในตลาดการ์ดจอ
NVIDIA เป็นหนึ่งในผู้ผลิตการ์ดจอชั้นนำของโลก โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มเกมเมอร์ นักออกแบบกราฟิก และนักพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ โดยแบ่งออกเป็นซีรีส์ GTX และ RTX ซึ่งมีเทคโนโลยีและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
รู้จักการ์ดจอ NVIDIA ซีรีส์ GTX
ความหมายของ GTX
GTX ย่อมาจาก “Giga Texel Shader eXtreme” เป็นซีรีส์การ์ดจอที่ออกแบบมาเพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสำหรับการเล่นเกม โดยไม่รองรับเทคโนโลยี Ray Tracing ซึ่งเป็นจุดเด่นของ RTX
ประวัติและพัฒนาการของการ์ดจอ GTX
ซีรีส์ GTX มีจุดเริ่มต้นจากการ์ดจอรุ่น GTX 200 Series ที่เปิดตัวในปี 2008 ซึ่งเป็นยุคแรกของการ์ดจอที่สามารถประมวลผลกราฟิกแบบ CUDA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้นจึงพัฒนาเป็น GTX 400 และ GTX 500 Series ซึ่งเริ่มนำเทคโนโลยี DirectX 11 มาใช้ พร้อมการปรับปรุงในด้านสถาปัตยกรรม GPU
ต่อมาในปี 2012 NVIDIA ได้เปิดตัว GTX 600 Series ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่สถาปัตยกรรม Kepler ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และตามมาด้วย GTX 700 และ GTX 900 Series ที่ยังคงพัฒนาในด้านการเพิ่มจำนวนคอร์และประสิทธิภาพการประมวลผล
ในปี 2016 GTX 1000 Series (Pascal Architecture) ได้ถูกเปิดตัว ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้การเล่นเกมระดับสูงสามารถทำได้ดียิ่งขึ้น โดยรองรับ VR (Virtual Reality) และมีประสิทธิภาพที่ก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ และสุดท้าย GTX 1600 Series ที่ใช้สถาปัตยกรรม Turing (แต่ไม่มี Ray Tracing) ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายก่อนที่ NVIDIA จะเปิดตัวซีรีส์ RTX ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง Ray Tracing และ DLSS
จุดเด่นและข้อจำกัดของ GTX
จุดเด่น
- ราคาถูกกว่า RTX
- ใช้พลังงานน้อยกว่า
- รองรับเกมที่ไม่ต้องการ Ray Tracing
ข้อจำกัด
- ไม่มี Ray Tracing และ DLSS
- ประสิทธิภาพต่ำกว่า RTX ในงานกราฟิกและการเรนเดอร์
รู้จักการ์ดจอ NVIDIA ซีรีส์ RTX
ความหมายของ RTX
RTX ย่อมาจาก “Ray Tracing Texel eXtreme” เป็นซีรีส์ที่พัฒนาให้รองรับ Ray Tracing และ AI-based rendering ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพของแสงและเงาให้สมจริงมากขึ้น
เทคโนโลยีที่โดดเด่นใน RTX
- Ray Tracing จำลองแสงและเงาให้สมจริง
- DLSS (Deep Learning Super Sampling) เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลด้วย AI
- Tensor Cores ใช้ AI ในการประมวลผลภาพและงานกราฟิก
การปรับปรุงที่สำคัญจาก GTX
- ประสิทธิภาพสูงขึ้นในเกมและงานกราฟิก
- รองรับฟีเจอร์ AI และการประมวลผลภาพที่ดีขึ้น
- มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า
เทคโนโลยีหลักที่แตกต่างระหว่าง GTX และ RTX
Ray Tracing คืออะไร?
Ray Tracing เป็นเทคโนโลยีที่จำลองแสงสะท้อนและเงาได้อย่างสมจริง ทำให้ภาพในเกมมีมิติที่ลึกขึ้น
DLSS (Deep Learning Super Sampling) คืออะไร?
DLSS ใช้ AI เพื่อเพิ่มความละเอียดของภาพโดยไม่ต้องใช้พลังประมวลผลสูง ช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นขึ้นแม้ปรับกราฟิกสูงสุด
เทคโนโลยีอื่นๆ ที่ RTX มีแต่ GTX ไม่มี
- Reflex ลดค่า latency ในเกม
- Resizable BAR ช่วยให้ CPU และ GPU ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น
ทำไมต้องเปลี่ยนจาก GTX เป็น RTX?
เหตุผลด้านการเล่นเกม
เกมใหม่ๆ เริ่มรองรับ Ray Tracing และ DLSS มากขึ้น ทำให้ RTX เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
เหตุผลด้านงานกราฟิกและการตัดต่อวิดีโอ
RTX ให้ความเร็วในการเรนเดอร์สูงขึ้น และรองรับการทำงานของซอฟต์แวร์ต่างๆ ได้ดีกว่า
เทรนด์ของวงการฮาร์ดแวร์
RTX กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการ์ดจอ และ GTX อาจล้าสมัยในอนาคต
เปรียบเทียบรุ่นยอดนิยมของ GTX และ RTX
รุ่น | GTX | RTX |
GTX 1660 Ti vs RTX 2060 | GTX 1660 Ti | RTX 2060 |
GTX 1080 Ti vs RTX 2080 | GTX 1080 Ti | RTX 2080 |
GTX 1650 vs RTX 3050 | GTX 1650 | RTX 3050 |
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
- GTX กับ RTX อันไหนดีกว่าสำหรับเล่นเกม?
- RTX ดีกว่าหากต้องการ Ray Tracing และ DLSS
- RTX จำเป็นต้องมีสำหรับเกมใหม่ๆ หรือไม่?
- ไม่จำเป็น แต่ช่วยให้ภาพสวยขึ้นและเล่นได้ลื่นขึ้น
- การ์ดจอ RTX มีผลกับการตัดต่อวิดีโออย่างไร?
- RTX ทำให้การเรนเดอร์เร็วขึ้นและประมวลผลได้ดีขึ้น
- คุ้มไหมที่จะอัปเกรดจาก GTX เป็น RTX?
- คุ้มค่าสำหรับเกมใหม่ๆ และงานกราฟิกที่ต้องการประสิทธิภาพสูงขึ้น