สำรองข้อมูลอัตโนมัติด้วย NAS ง่าย สะดวก ปลอดภัย

ทำไมการจัดเก็บข้อมูลถึงสำคัญ

NAS คืออะไร? และการสำรองข้อมูลอัตโนมัติด้วย NAS ทำไมถึงง่าย สะดวก ปลอดภัย การจัดเก็บข้อมูลถือเป็นสิ่งพื้นฐานในชีวิตประจำวันของผู้คน โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมาก เรามีข้อมูลส่วนบุคคล เช่น รูปภาพ วิดีโอ และเอกสารที่สำคัญจำนวนมาก การสูญหายของข้อมูลเหล่านี้อาจทำให้เกิดผลกระทบอย่างร้ายแรง ทั้งในด้านส่วนตัวและด้านการทำงาน 

การใช้ระบบ NAS (Network Attached Storage) เป็นทางเลือกที่สามารถช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบ NAS ติดตั้ง NAS ง่ายและสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บข้อมูลในเซิฟเวอร์ส่วนตัวได้อย่างสะดวกสบาย การจัดเก็บข้อมูลในเซิฟเวอร์ส่วนตัวนี้จึงเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันข้อมูลสำคัญจากการสูญหาย

ความสำคัญของการจัดเก็บข้อมูลยังรวมถึงการป้องกันความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ข้อมูลของเราอาจถูกขโมยหรือถูกทำลายจากมัลแวร์ หากไม่มีการสำรองข้อมูลที่เหมาะสม การสูญเสียจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ระบบ nas สามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูล โดยใช้การเข้ารหัสและการสำรองข้อมูลอัตโนมัติซึ่งป้องกันการสูญหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ การใช้งาน NAS ยังช่วยให้สามารถแชร์ข้อมูลได้ง่ายขึ้น ทำให้สามารถเข้าถึงไฟล์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานหรือการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดการข้อมูล การสร้างระบบที่มีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ทุกคนมีความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว และสามารถป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

NAS คืออะไร ?

NAS (Network Attached Storage) เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเก็บข้อมูลและแชร์ข้อมูลในเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย NAS จะทำงานเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายในบ้านหรือสำนักงาน ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลจากอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตได้อย่างสะดวกสบาย

การใช้งาน NAS ยังช่วยลดความเสี่ยงในการสูญหายของข้อมูลด้วยการสนับสนุนการทำ RAID (Redundant Array of Independent Disks) ซึ่งให้ความปลอดภัยในการเก็บข้อมูลโดยการกระจายข้อมูลลงในฮาร์ดไดรฟ์หลายตัว หากฮาร์ดไดรฟ์หนึ่งล้มเหลว ข้อมูลยังสามารถเข้าถึงได้จากฮาร์ดไดรฟ์อื่นที่ยังทำงานอยู่

นอกจากนี้ NAS ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเซิฟเวอร์ส่วนตัวในการเก็บข้อมูลภาพถ่าย วิดีโอ และไฟล์อื่น ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพา Cloud Storage ซึ่งมักมีค่าใช้จ่ายเพิ่มตามการใช้งาน NAS ดียังไงในด้านการเข้าถึงข้อมูลจากทุกที่ ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบายใจในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวและสำรองข้อมูลอย่างปลอดภัย

การเลือก NAS ที่เหมาะสม

เมื่อหันมาใช้ NAS (Network Attached Storage) เพื่อจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวและสำรองข้อมูลอย่างปลอดภัย ผู้ใช้ควรพิจารณาหลากหลายปัจจัยที่มีผลต่อการใช้งานที่เหมาะสม การเลือก NAS ที่ดีสามารถนำไปสู่การจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น

ปัจจัยแรกที่ควรพิจารณาคือพื้นที่เก็บข้อมูล ระบบ NAS มีหลากหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่ 2TB จนถึงหลายสิบ TB ขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการจัดเก็บ เช่น ถ้าผู้ใช้มีไฟล์มัลติมีเดียจำนวนมาก ก็อาจต้องเลือก NAS ที่มีพื้นที่สูงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนพื้นที่ในอนาคต

ต่อมา ประสิทธิภาพของ NAS ก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ สำหรับการเลือก NAS ที่เหมาะสม ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่าอุปกรณ์มีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลเท่าใด ซึ่งจะส่งผลต่อการเข้าถึงไฟล์และการถ่ายโอนข้อมูล นอกจากนี้ ความเร็วในการเชื่อมต่อก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือก NAS ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ Gigabit Ethernet เพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

ระบบปฏิบัติการของ NAS เป็นอีกหนึ่งด้านที่ผู้ใช้ไม่ควรมองข้าม การมีระบบที่ใช้งานง่ายและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ เช่น การสำรองข้อมูลอัตโนมัติ การใช้งานจากระยะไกล หรือแม้กระทั่งการสร้างเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวได้ จะช่วยให้ประสบการณ์ในการใช้งาน NAS มีประสิทธิภาพสูงสุด

ท้ายที่สุด ฟีเจอร์การสำรองข้อมูลเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เนื่องจากการใช้งาน NAS เพื่อสำรองข้อมูลควรเลือก NAS ที่สามารถทำการสำรองข้อมูลได้ง่ายและตรงตามความต้องการ อย่างเช่น การสนับสนุนระบบ RAID ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์เกิดความเสียหาย

การเลือก NAS ที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังทำให้การบริหารจัดการข้อมูลส่วนตัวเป็นไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย

การติดตั้งและตั้งค่า NAS

การติดตั้งระบบ NAS (Network Attached Storage) ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งในการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวและสำรองข้อมูลอย่างปลอดภัย โดยขั้นตอนแรกเริ่มต้นด้วยการเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมในการวาง NAS กับเครือข่ายบ้านหรือสำนักงานที่ท่านใช้ โดยต้องคำนึงถึงการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ และความเสถียรของสัญญาณอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก

หลังจากนั้น ให้ทำการเชื่อมต่อ NAS กับเครือข่ายผ่านสาย LAN หรือ Wi-Fi ขึ้นอยู่กับรุ่นของ NAS ที่ท่านเลือกใช้ เมื่อเชื่อมต่อสำเร็จ ให้เปิดเครื่อง NAS และรอให้ระบบทำการเริ่มต้น โดยอาจใช้เวลาสักครู่ ข้อมูลเบื้องต้นหรือคู่มือการติดตั้งที่มาพร้อมกับเครื่องก็เป็นตัวช่วยที่ดีในการทำความเข้าใจวิธีการตั้งค่าพื้นฐาน

ในการตั้งค่า NAS นั้น ผู้ใช้ต้องทำการเข้าถึงสถานที่จัดการผ่านเว็บเบราว์เซอร์โดยการพิมพ์ IP Address ของ NAS ที่ระบบได้กำหนดไว้ โดยปกติแล้วจะมีการให้รหัสผ่านเริ่มต้นเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการตั้งค่าต่าง ๆ ของระบบได้ จากนั้นให้ทำการเปลี่ยนรหัสผ่านนี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

ต่อไป ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าต่าง ๆ เช่น การสร้างโฟลเดอร์และการตั้งค่าความปลอดภัย รวมถึงการกำหนดผู้ใช้และสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้เกิดระบบการจัดเก็บข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน NAS โดยส่วนนี้จะทำให้ท่านสามารถสร้างเซิฟเวอร์ส่วนตัวสำหรับเก็บข้อมูลและแชร์ไฟล์อย่างสะดวกสบาย

เมื่อการตั้งค่าทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นการใช้งาน NAS ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บและสำรองข้อมูลในระบบของท่าน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล

การจัดเก็บข้อมูลรูปภาพและวิดีโอใน NAS

การจัดเก็บข้อมูลรูปภาพและวิดีโอในระบบ NAS (Network-Attached Storage) เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการรับรองว่าข้อมูลเหล่านี้จะไม่สูญหายไปอย่างถาวร การติดตั้ง NAS ในบ้านหรือสำนักงานช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บรักษาข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบและเข้าถึงได้ง่ายในทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ขั้นตอนแรกในการจัดระเบียบข้อมูลใน NAS คือการสร้างโฟลเดอร์ที่เหมาะสมสำหรับข้อมูลแต่ละประเภท การมีโฟลเดอร์แยกแยะช่วยให้สามารถค้นหาหรือเข้าถึงรูปภาพและวิดีโอได้อย่างรวดเร็ว โฟลเดอร์สามารถจัดทำตามปี เดือน หรือโอกาสต่าง ๆ ที่บันทึก ซึ่งจะส่งผลให้การใช้งาน NAS เป็นไปอย่างมีระเบียบและสะดวกสบายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การตั้งชื่อไฟล์ให้เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ควรใช้ชื่อที่สื่อถึงเนื้อหาของภาพหรือวิดีโออย่างชัดเจน เช่น ใช้ชื่อสถานที่ วันหรือเหตุการณ์ที่ถูกบันทึก นอกจากนี้การใช้ตัวเลขหรือคำนำหน้านามที่มีความหมายยังช่วยในการเรียงลำดับไฟล์ อาทิเช่น ใช้รูปแบบ “YYYY-MM-DD_ชื่อไฟล์” จะช่วยให้การจัดเรียงใน NAS ดูมีระเบียบมากขึ้น

นอกจากการจัดระเบียบข้อมูลและการตั้งชื่อที่เหมาะสมแล้ว ยังสามารถพิจารณาการสำรองข้อมูลใน NAS โดยการทำซ้ำข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวอื่น ๆ เพื่อป้องกันการสูญหายจากภัยคุกคามทางไซเบอร์หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด การใช้งาน NAS ไม่เพียงแต่ทำให้การจัดเก็บรูปภาพและวิดีโอสะดวกขึ้น แต่ยังลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลอีกด้วย

การสำรองข้อมูลเอกสารสำคัญ

การสำรองข้อมูลเอกสารสำคัญเป็นขั้นตอนที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบุคคลและองค์กร เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูลที่สำคัญ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น อุบัติเหตุ ความผิดพลาดของผู้ใช้ หรือภัยคุกคามจากไวรัสและการโจมตีทางไซเบอร์ การติดตั้ง NAS (Network Attached Storage) เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการจัดเก็บและสำรองข้อมูลเหล่านี้อย่างปลอดภัยและสะดวก.

ใช้งาน NAS เพื่อจัดเก็บข้อมูลสำคัญโดยสามารถตั้งค่าแชร์ไฟล์ที่ปลอดภัย ทำให้สามารถเข้าถึงเอกสารได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ ระบบ NAS ยังรองรับฟีเจอร์การสำรองข้อมูลอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถกำหนดเวลาการสำรองข้อมูลได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องคอยจำว่าเมื่อใดควรสำรองข้อมูลอีกต่อไป.

เมื่อเลือก NAS สำหรับการสำรองข้อมูล ควรพิจารณาขนาดและความสามารถในการจัดเก็บข้อมูล นอกจากนี้ควรเลือกแบบที่มีระบบ RAID (Redundant Array of Independent Disks) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์เกิดความเสียหาย ข้อมูลที่สำรองไว้จึงไม่สูญหายไปอย่างสิ้นเชิง และแน่นอนว่าการใช้งานระบบ NAS ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงเอกสารสำคัญได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านการทำงานและการศึกษา.

การสำรองข้อมูลเอกสารสำคัญด้วยการใช้ NAS ทำให้มีความอุ่นใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง และมีความยืดหยุ่นในการเข้าถึงข้อมูลตามความต้องการของผู้ใช้งาน ในการติดตั้ง NAS และตั้งค่าการสำรองข้อมูลอัตโนมัติ สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถมุ่งเน้นไปที่การทำงานหรือการศึกษาได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญหายของข้อมูลอีกต่อไป.

การแชร์ข้อมูลในครอบครัว

การแชร์ข้อมูลในครอบครัวมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการจัดเก็บข้อมูลที่หลากหลาย เช่น รูปภาพ อัลบั้มเพลง และหนัง โดยระบบ NAS (Network Attached Storage) เป็นโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการแชร์ข้อมูลเหล่านี้ เนื่องจาก NAS จะทำหน้าที่เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลกลางที่สมาชิกในครอบครัวสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย

การใช้งาน NAS สำหรับแบ่งปันข้อมูลในครอบครัวสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มต้นจากการติดตั้ง NAS ในสถานที่ที่สมควรและเชื่อมต่อกับเครือข่ายบ้าน หลังจากนั้น ผู้ใช้สามารถจัดการสร้างโฟลเดอร์ที่รวบรวมไฟล์ที่ต้องการแชร์ รวมถึงตั้งค่าการเข้าถึงสำหรับสมาชิกในครอบครัวแต่ละคน เพื่อให้แต่ละคนสามารถดูหรือแก้ไขข้อมูลได้ตามที่ต้องการ โดยเฉพาะไฟล์ที่มีความเป็นส่วนตัว เช่น ภาพถ่ายส่วนตัวและวิดีโอที่บันทึกความทรงจำ

นอกจากนี้ การตั้งค่าความปลอดภัยของ NAS เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่แชร์จะไม่ถูกเข้าถึงโดยบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ ผู้ใช้สามารถกำหนดรหัสผ่านที่เฉพาะเจาะจงสำหรับโฟลเดอร์แต่ละโฟลเดอร์ หรือเลือกตั้งค่าการเข้าถึงตามสิทธิ์ของสมาชิกแต่ละคน ทำให้เป็นไปได้ที่จะควบคุมและจำกัดการเข้าถึงข้อมูลตามความเหมาะสม

นอกจากการแชร์ไฟล์ต่างๆ แล้ว ระบบ NAS ยังมีฟีเจอร์ที่รองรับสตรีมมิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการดูหนังหรือฟังเพลง สามารถตั้งค่าให้สมาชิกในครอบครัวสามารถสตรีมเนื้อหาได้โดยตรงจาก NAS ทำให้การใช้งาน NAS ไม่เพียงแค่เป็นแหล่งเก็บข้อมูลส่วนตัว แต่ยังทำให้การแชร์ข้อมูลภายในครอบครัวเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น

การใช้ NAS เป็น Time Machine สำหรับ macOS

การสำรองข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้ macOS ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้ NAS (Network Attached Storage) เป็นเครื่องมือสำรองข้อมูลอัตโนมัติโดยผ่านฟังก์ชัน Time Machine วิธีนี้ไม่เพียงแค่เพิ่มความสะดวกสบายในการจัดเก็บข้อมูล แต่ยังช่วยให้การสำรองข้อมูลมีประสิทธิภาพและปลอดภัยอีกด้วย.

เพื่อเริ่มต้นการตั้งค่า NAS ให้ทำงานร่วมกับ Time Machine ผู้ใช้จะต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์ NAS กับเครือข่ายของตน โดยทั่วไปแล้ว ระบบ NAS จะมีอินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายสำหรับการกำหนดค่า หลังจากเชื่อมต่อแล้ว ให้เข้าสู่การตั้งค่าของ NAS และเปิดใช้งานฟังก์ชันที่รองรับ Time Machine จากนั้นสร้างแชร์โฟลเดอร์สำหรับการสำรองข้อมูล ซึ่งควรตั้งค่าระบบ nas ให้ปลอดภัยด้วยรหัสผ่านหรือนโยบายการเข้าถึงที่เหมาะสม.

เมื่อทำการตั้งค่า NAS เสร็จสิ้น ผู้ใช้สามารถไปที่ตั้งค่าของ Time Machine บน macOS และเลือก NAS ที่ได้ตั้งค่าไว้เป็นตำแหน่งสำหรับการสำรองข้อมูล เมื่อทำการเลือกแล้ว Time Machine จะเริ่มสำรองข้อมูลที่จำเป็นโดยอัตโนมัติ ตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้อย่างง่ายดาย.

การใช้ NAS ในการสำรองข้อมูลผ่าน Time Machine มีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงข้อมูลที่มีความปลอดภัยสามารถทำได้ทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ระบบ nas ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกู้คืนข้อมูลเก่าที่สูญหายได้ง่ายและรวดเร็ว การรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมของ NAS ทำให้การสำรองข้อมูลมีความเชื่อถือได้และปลอดภัยจากภัยคุกคามต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น.

ด้วยฟังก์ชันการทำงานที่สะดวกและประโยชน์ที่หลากหลาย การใช้ NAS เป็น Time Machine เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ macOS ในการดำเนินการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวและสำรองข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ.

การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลใน NAS

การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในระบบ NAS นับเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวและสำรองข้อมูลอย่างปลอดภัย การตั้งค่าที่เหมาะสมสามารถช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ ซึ่งการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงและการตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรงคือสองขั้นตอนสำคัญเริ่มต้นที่ควรทำขึ้นเมื่อทำการติดตั้ง NAS.

การใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงในการถูกโจมตีได้ บนระบบ NAS ส่วนใหญ่จะมีฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างรหัสผ่านที่เหมาะสมได้ นอกจากนี้ควรใช้ความสามารถในการเข้ารหัสข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลไม่สามารถเข้าถึงได้หากใครไม่ใช่เจ้าของข้อมูลนั้น

อีกหนึ่งจุดที่ควรให้ความสำคัญคือการตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูล ระบบ NAS บางตัวมีฟีเจอร์การตรวจสอบบันทึก (logging) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นกิจกรรมการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ การตั้งค่าให้มีการแจ้งเตือนเมื่อมีการเข้าถึงที่ไม่ปกติเป็นอีกหนึ่งวิธีในการเพิ่มความปลอดภัย

การใช้ระบบ NAS ที่มีฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยที่สูงยังช่วยให้สามารถสร้างเซิฟเวอร์ส่วนตัวที่มีประสิทธิภาพในด้านความปลอดภัยได้อย่างอิสระ โดยการรวมระบบการสำรองข้อมูลที่แตกต่างกัน สามารถช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่สูญหายจากการถูกโจมตีหรือเกิดข้อผิดพลาดอื่นๆ

ดังนั้นการใช้งาน NAS อย่างเหมาะสม และการตั้งค่าที่แน่นหนา ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวและสำรองข้อมูลของพวกเขาจะอยู่ในความปลอดภัยตลอดเวลา